บี บางปะกง
เปิดฉากอย่างเป็นทางการกันไปแล้ว สำหรับ ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ “ยูโร 2020” ที่เลื่อนยาว...มาจัดกันในปี 2021 ท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 ที่ยังคงรุมเร้าผู้คนทั่วทั้งโลกไม่ยอมเลิกรา
ต้องแสดงความยินดีกับแฟนบอลชาวไทยอีกครั้ง ในที่สุดพวกเราก็ได้ดูการถ่ายทอดสดบอลยูโรหนนี้สมใจ
หลังจากที่ “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นหัวเรี่ยว หัวแรงใหญ่ช่วยประสานภาคเอกชนใจดี โดย คุณโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานกรรมการ บริษัท ซัมมิทฟุตแวร์ จำกัด เจ้าของรองเท้ายี่ห้อ “แอโร่ซอฟท์” ควักเงินส่วนตัว กว่า 150 ล้าน ซื้อลิขสิทธิ์มาให้พวกเราได้ดูกันฟรีๆ โดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ
เรียกว่าเป็นดีลสุดเซอร์ไพรส์เกือบจะนาทีสุดท้ายก่อนคู่เปิดวิก อิตาลี ถล่ม ตุรกี 3–0 จะเขี่ยบอลกันเลยด้วยซ้ำ!!
ถือเป็นการเยียวยาให้พี่น้องประชาชนได้คลายความตึงเครียดกับปัญหาวัคซีนโควิดที่กำลังฝุ่นตลบอบอวลอย่างได้ผลดีนักแล
หนึ่งเดือนเต็มนับจากนี้ขอให้ทุกคนลืมความทุกข์อันแสนสาหัสที่กำลังเผชิญอยู่ชั่วคราว แล้วหันไปลุ้นเชียร์นักเตะยอดขวัญใจระดับเวิลด์คลาสในศึกยูโร 2020 กันอย่างเต็มที่ เต็มเหนี่ยว ทาง “NBT2HD”
ซึ่งนอกจากฟุตบอลยุโรปแล้ว ตั้งแต่เช้าวันจันทร์ที่ 14 มิ.ย.นี้ ทาง “พีพีทีวี เอชดี ช่อง 36” ก็จะรับหน้าเสื่อถ่ายทอดสดฟุตบอลชิงแชมป์แห่งทวีปอเมริกาใต้ “โคปา อเมริกา 2021” ที่ประเทศ บราซิลเป็นเจ้าภาพ มาให้ชมกันทุกวันด้วย
พูดถึงบอลยูโรกันแล้ว ต้องถือเป็นทัวร์นาเมนต์แรกๆที่ทำให้ผมหลงใหลมนต์เสน่ห์ของเกมฟุตบอลชนิดถอนตัวไม่ขึ้น จนต้องมายึดอาชีพ “นักข่าวกีฬา” ทำมาหากิน...จนถึงทุกวันนี้
โดยจุดเริ่มต้นจาก ฟุตบอลโลก 1986 ที่เม็กซิโก ซึ่งเด็กนักเรียนภูธรชั้น ม.ต้น อย่างผมตัดภาพข่าวจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐมาเก็บไว้ดูเป็นปึกๆ จนปีต่อมา 1987 พีเอสวี ไอนด์โฮเฟน ยอดทีมจากฮอลแลนด์บุกเยือนกรุงเทพฯ นำทัพโดย “ไอ้งูเก็งกอง” รุด กุลลิท ที่มาโชว์ลีลาสะเด่า ทรวงกับทีมชาติไทย ที่สนามศุภชลาศัย
นั่นจึงทำให้ผมติดตามเป็น FC ของกุลลิท อย่างเหนียวแน่นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก่อนที่ “เจ้าทิวลิปนิล” จะสร้างตำนานสนั่นโลก ลูกหนัง ด้วยการผนึกกำลังกับมาร์โก ฟาน บาสเทน และแฟรงค์ ไรจ์การ์ด เป็น 3 ทหารเสือ พา “อัศวินสีส้ม” ทีมชาติฮอลแลนด์ ชูโทรฟีแชมป์ยูโร 1988 อย่างยิ่งใหญ่จริงๆ
และ ยูโร 88 นี่เอง ก็เป็นหนแรกที่ผมได้ชม การฟาดแข้งในรอบตัดเชือกและรอบชิงชนะเลิศแบบเต็มๆสองลูกกะตา ผ่านการ ถ่ายทอดสดทาง ททบ.5 ด้วยเพาเวอร์ของ “บิ๊กจิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ผบ.ทบ.ในยุคนั้น
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก 30 กว่าปีมาแล้ว จำได้ว่าที่ได้ดูถ่ายทอดบอลยูโรครั้งนั้น เพราะบ้านเมืองเรากำลังมีปัญหาเศรษฐกิจตกสะเก็ด อะไรซักอย่างนี่แหละ ผู้หลัก ผู้ใหญ่ เลยใช้กลยุทธ์เอากีฬามาดับความกังวลของผู้คน ซึ่งได้ผลชะงัดนัก
เฉกเช่นเดียวกับศึกยูโร 2020 ในคราวนี้นี่แหละ ที่กำลังจะถูกใช้เป็น “ยาแก้เครียด” ขนานเอก
จากมฤตยูโควิด...ไม่ต่างกัน!!!
บี บางปะกง