บี บางปะกง
ยังคุกรุ่นอยู่ในบรรยากาศการฉลองถ้วยแชมป์ เอฟเอ คัพ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ ที่เฉือนเอาชนะ เชลซี ไปได้ 1-0 ในรอบชิงชนะเลิศ ที่สังเวียนเวมบลีย์
เหลือเชื่อนะครับจากคำพูดของ เจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา ผู้ล่วงลับ ที่เคยกล่าวไว้ว่า “วันหนึ่งเราจะซื้อทีม แล้วเอามาสู้กับเชลซีให้ได้” เมื่อครั้งที่เขาเป็นแฟนบอลสิงโตน้ำเงินคราม ที่ซื้อตั๋วปีมาตลอด แต่กลับได้รับการปฏิบัติที่ไม่ดีจากการ์ดสโมสรเชลซี
ในที่สุดวันนี้ ‘ตระกูลศรีวัฒนประภา’กลายมาเป็นเจ้าของสโมสรอันเป็นที่รักของชาวเมืองเลสเตอร์ ที่นำความสำเร็จอันเหลือเชื่อทั้งแชมป์พรีเมียร์ลีก และแชมป์บอลถ้วยเก่าแก่ เอฟเอ คัพ มาสู่ถิ่น “The Foxes” อย่างยิ่งใหญ่จริงๆ
โดยเฉพาะการเชือดชัยเหนือขุนพลสิงห์บลู เมื่อเสาร์ที่ผ่านมา มันได้ทำให้คำกล่าวของท่านประธานวิชัยเมื่อหลายปีก่อนกลายเป็นความจริงขึ้นมาได้...ชนิดน่าขนลุก!!
ซึ่งในฤดูกาล 2020-2021 นอกจากความยอดเยี่ยมกระเทียมดองของ “จิ้งจอกสยาม” ในลีกสูงสุดเมืองผู้ดีแล้ว ลองมาเช็กดูผลงานของอีก 2 สโมสรที่มีเจ้าของเป็นคนไทยดูซิว่า เป็นอย่างไรกันบ้าง?
ไล่จาก “เจ้านกเค้าแมว” เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ ของ เดชพล จันศิริ เจ้าของอาณาจักรปลาทูน่าและอาหารทะเลรายใหญ่ของโลก ที่จบฤดูกาลในลีกรอง เดอะแชมเปียนชิป ด้วยการรั้งบ๊วยของตาราง กระเด็นตกชั้นลงไปสู่ลีกวันในฤดูกาลหน้า หลังพวกเขาโดนลงโทษตัดแต้มจนหูตูบมาก่อนจะเปิดซีซันฐานทำความผิดด้านกฎการเงินกับอีเอฟแอล
สวนทางกับอีกทีมในลีกวัน อย่าง “ออกซ์ฟอร์ด ยูไนเต็ด” ที่มี “บิ๊กเสือ” สัมฤทธิ์ ธนะกาญจนสุทธิ์ นักธุรกิจเสื้อผ้าชาวไทย อดีตผู้ร่วมทุนกับกลุ่ม คุณหญิงศศิมา ศรีวิกรม์ ในสโมสรเรดดิ้ง ที่ฉายเดี่ยวมาซื้อหุ้นทีม ‘ตราหัวกระทิง’ หรือ ‘เดอะ เยลโล’ มาบริหารในฐานะประธานใหญ่ของสโมสร
ออกซ์ฟอร์ดสร้างผลงานมาแรงแซงทางโค้งจนสามารถติดอันดับ 6 ของตาราง คว้าสิทธิ์เพลย์ออฟ ชิงตั๋วหาอีก 1 ทีม
สุดท้ายเพื่อขึ้นชั้นสู่ลีกแชมเปียนชิป เป็นฤดูกาลที่ 2 ติดต่อกัน หลังจากอกหักพลาดหวังสู่ลีกรองเมื่อปีที่แล้วอย่างน่าเสียดาย จากการพ่าย วีคอมบ์ วันเดอเรอร์ส ไป 1-2 ในรอบชิงดำ
“บิ๊กเสือ” เล่าให้ผมฟังว่า ฤดูกาลที่ผ่านมาบริหารออกซ์ฟอร์ดด้วยความยากลำบากอย่างยิ่ง เพราะตัวเองไม่มีโอกาสบินไปให้กำลังใจลูกทีมที่อังกฤษเลยตั้งแต่เดือน มี.ค.ปีที่แล้ว นับจากโดนวิกฤติโควิด-19 เล่นงานเป็นต้นมา
แต่ปีนี้ตั้งใจแล้วว่าถ้าทีมสามารถผ่านเข้าไปชิงที่เวมบลีย์ได้อีกครั้ง ตนจะบินไปเชียร์ที่ขอบสนามอย่างแน่นอน แม้จะต้องเสียเวลากักตัวที่เมืองไทยตอนขากลับก็ตาม เพราะครั้งนี้ถือเป็นการทำทีมเข้ามาเพลย์ออฟเป็นหนที่ 3 ในชีวิตตัวเองแล้ว
โดยครั้งแรกพลาดหวังขึ้นพรีเมียร์ลีกกับเรดดิ้ง ก่อนที่ครั้งล่าสุดจะชวดขึ้นลีกรองกับออกซ์ฟอร์ดเมื่อปีก่อน
โดยโปรแกรมรอบรองฯปีนี้ ออกซ์ฟอร์ด ยูไนเต็ด จะพบกับแบล็คพูล ในบ้าน วันที่ 19 พ.ค. ก่อนไปเยือนนัดสอง 22 พ.ค. ถ้าชนะจะเข้าไปชิงตั๋วสู่ลีกแชมเปียนชิปกับผู้ชนะระหว่าง ซันเดอร์แลนด์ ที่จะพบกับลินคอล์น ซิตี้ ในวันที่ 30 พ.ค.
บังเอิญปีนี้ ฤกษ์ดี “ปีฉลู” ซะด้วย ช่วยกันลุ้น ช่วยกันเชียร์อีกหนึ่งทีมสโมสรเมืองผู้ดีของคนไทยนะครับ
บางที ‘ปีวัว’ อาจนำโชคให้ทีมตรา ‘หัววัว’ (กระทิง) ได้สมหวัง...กับเค้าเสียที!!!
บี บางปะกง