หน้าแรกแกลเลอรี่

ยากที่จะหายไป

มะระหวาน

22 มี.ค. 2564 05:01 น.


ถือว่าเป็นกระแสโด่งดังสำหรับกระแสต้านการเหยียดผิว “Black Lives Matter” ที่เกิดขึ้นในทุกวงการของโลก โดยเฉพาะวงการกีฬาโลกโดยเฉพาะฟุตบอล

สำหรับกระแสต่อต้านการเหยียดผิวทั่วทั้งโลกนั้น สืบเนื่องมาจากการตายของนายจอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวสี ซึ่งไร้อาวุธ ถูกตำรวจทำให้เสียชีวิตขณะเข้าควบคุมตัวที่เมืองมินนี อาโปลิส รัฐมินเนโซตา ช่วงพฤษภาคมปีที่แล้ว

ซึ่งหลากหลายสโมสรและบรรดานักเตะชื่อดังต่างๆ ก็ร่วมรณรงค์ต่อต้านการเหยียดผิวอย่าง ต่อเนื่อง โดยเฉพาะก่อนเกมจะยืนสงบนิ่ง หรือคุกเข่าข้างเดียวเพื่อเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์

แม้ว่าบรรดาซุปเปอร์สตาร์ลูกหนังจะร่วมรณรงค์มากแค่ไหน แต่การเหยียดผิวก็ยังมีเกิดขึ้น ในวงการฟุตบอลอย่างต่อเนื่อง

ตอนนี้แม้ว่าจะไม่มีแฟนบอลเข้าชมในสนาม แต่ก็ยังมีแฟนบอลเกรียนคีย์บอร์ดทั้งหลายก็มาแสดงการเหยียดผิวผ่านช่องทางสื่อโซเชียลต่างๆ ของบรรดานักเตะ

ล่าสุด จูด เบลลิงแฮม กองกลางทีมชาติอังกฤษ ของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทีมดังในศึกบุนเดสลีกา กลายเป็นผู้เล่นรายล่าสุดที่โดนผู้ไม่หวังดีใช้ข้อความ ที่ไม่เหมาะสมผ่านทางโลกออนไลน์

โดยมีรายงานว่า จูด ได้โดนโจมตีโดยข้อความ ที่ไม่เหมาะสมและมีการสื่อไปถึงมารดาของนักเตะ ผ่านช่องทางอินสตาแกรมส่วนตัว

นอกจากจูดแล้วบรรดานักเตะชื่อดังอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด กองหน้าทีมชาติอังกฤษ, แอนโธนีย์ มาร์กเซียล ดาวยิงทีมชาติฝรั่งเศส วิลฟรีด ซาฮา กองหน้าคริสตัล พาเลซ, แทมมี อับราฮัม ดาวยิงทีมชาติอังกฤษของเชลซี ก็โดนเช่นเดียวกัน

นอกจากพรีเมียร์ลีกบรรดาลีกต่างๆทั่วทั้ง ยุโรปก็ประสบปัญหาเช่นเดียวกัน

ขณะเดียวกันนอกจากนอกสนามที่มีการเหยียดผิวแล้วในสนามก็มีเช่นกัน หลังปิแอร์ เวโบ ผู้ช่วยโค้ชของอิสตันบูล บาซัคเซเฮียร์ โดนผู้ตัดสินที่ 4 ชาวโรมาเนีย พูดจาเหยียดผิวจนมีความวุ่นวายและมีการวอล์กเอาต์ในท้ายที่สุด

เรื่องนี้แม้ว่าทุกฝ่ายจะช่วยกันรณรงค์มากแค่ไหน แต่ก็ยังมีพวกที่แหกคอกคอยพูดจาว่าร้าย เพื่อนร่วมโลกแบบนี้อย่างต่อเนื่อง ก็คงยากที่จะหยุดยั้งการเหยียดผิวบนโลกใบนี้ได้

การเหยียดหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ จนมีการทำแคมเปญงดเล่นโซเชียลมีเดีย 24 ชั่วโมง เพื่อเป็น การแสดงพลังต่อต้านการเหยียดผิวทางโลกออนไลน์ จากทางสมาคมนักเตะอาชีพอังกฤษเลยทีเดียว

ตลอดช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ที่โลกเจอเชื้อไวรัส โควิด-19 เล่นงานจนไม่สามารถเข้าไปชมเกมฟุตบอลในสนามได้ หลายฝ่ายคิดว่าการเหยียดผิวในสนามก็จะหายไป

ซึ่งมันก็หายไป แต่กลับไปปรากฏบนโลกโซเชียลมีเดียมากขึ้นกว่าเดิมอีก

และที่สำคัญมันยากที่จะควบคุมได้และบางแอ็กเคาต์ยังไม่สามารถระบุตัวตนของผู้เล่นได้อีกด้วย

ขณะที่บรรดาสโมสร หรือนักบอลต่าง รณรงค์กันแทบตายแต่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆไม่ช่วยกันกำกับดูแลข้อความ ก่อนที่จะหลุด ออกมาลงบนโซเชียลต่างๆ

ก็คงยากที่การเหยียดผิวจะหมดไปจากวงการฟุตบอล!!

เรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่ดำมืดของวงการฟุตบอลในตอนนี้เลยทีเดียว.

มะระหวาน