ต้องชนะ!!

เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่หลายฝ่ายไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นในฤดูกาลนี้สำหรับการที่ “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เจ้าของแชมป์ลีกสูงสุดของเมืองผู้ดี 20 สมัย จะกลับมาผงาดขึ้นรั้งจ่าฝูงของตาราง และมีลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกครั้งในซีซันนี้

เพราะถ้ามองจากองค์ประกอบหลายๆ อย่างไม่ว่าจะเป็นขุมกำลังที่แกร่งแต่ก็ยังไม่สุด, ฟอร์มการเล่นของนักเตะไม่มีคนไหนท็อปฟอร์มนอกจากบรูโน แฟร์นันเดส กองกลางทีมชาติโปรตุเกสที่เป็นผู้รับบท “เดอะ แบก” ในฤดูกาลที่แล้วยันมาจนถึงซีซันนี้, ปัญหาแนวรับที่แก้ไม่ตกที่เล่นเฟอะฟะไม่หาย แม้ว่าจะได้แฮร์รี แมคไกวร์ ปราการหลังทีมชาติอังกฤษ ย้ายมาด้วยสถิติโลกที่แพงที่สุดในแนวรับก็ตาม

และที่สำคัญที่สุดกึ๋นกุนซืออย่างโอเล กุน–นาร์ โซลชา นายใหญ่ชาวนอร์เวย์ ที่ถ้าหากมาเปรียบเทียบกับเจอร์เกน คลอปป์ กุนซือลิเวอร์พูล และเป๊ป กวาร์ดิโอลา เทรนเนอร์ของแมนฯซิตี้ ยังห่างชั้นกันมาก

อย่างที่กล่าวไปขุมกำลังแมนฯยูไนเต็ดไม่ใช่ว่าไม่ดีมาก แต่ด้วยฝีมือการคุมทีม “ปิศาจแดง” ของโอเล่ ที่ยังไม่คงเส้นคงวาถ้าเทียบกับลิเวอร์พูล, แมนฯซิตี้ หรือแม้กระทั่งเชลซี ที่เสริมทัพได้อย่างน่ากลัวในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แม้ว่าแฟรงค์แลมพาร์ด จะไม่ใช่กุนซือที่มีฝีไม้ลายมือฉกาจฉกรรจ์มากนัก แต่ศักยภาพทีมที่ดีก็ช่วยให้ก้าวไปถึงเป้าหมายได้เช่นกัน

แม้ว่าต้นซีซัน “ปิศาจแดง” จะออกสตาร์ตด้วยฟอร์มที่ย่ำแย่จนโอเล่ส่อแววว่าจะโดนเด้งแหล่ไม่เด้งแหล่

แต่สุดท้ายอดีตกองหน้าซุปเปอร์ซับก็ค่อยๆ สร้างทีมและเค้นศักยภาพฟอร์มกลับมาอีกครั้งจนได้ จนมาถึงตอนนี้ 11 นัดติดไม่แพ้ใครเลย จนนัดล่าสุดบุกทุบเบิร์นลีย์ขึ้นมานำจ่าฝูงอย่างเหนือความคาดหมาย

การที่ “ปิศาจแดง” เดินเข้าสู่ศึกแดงเดือดด้วยการนำเป็นจ่าฝูงมันช่างดูเท่ แต่ไม่ค่อยชินตาซักเท่าไร เพราะไม่เคยเห็นแบบนี้มาตั้งนานแล้วตั้งแต่ “เฟอร์กี้” เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานกุนซือชาวสกอตวางมือลง

ออกมาเยือนแอนฟิลด์เกมนี้ของโอเล่ไม่ง่ายเช่นกัน เพราะเจอร์เกน คลอปป์ นายใหญ่ชาวเยอรมันของ “หงส์แดง” ที่ฟอร์มหลุดไม่ชนะใครมา3นัดติดในลีก หมายมั่นปั้นมือว่าจะใช้ “แดงเดือด” นัดนี้สร้างความมั่นใจและปรับโมเมนตัมของทีมให้กลับมาอีกครั้ง

บอกได้เลยว่าค่ำคืนวันที่ 17 ม.ค. จะเป็นเกม “แดงเดือด” ที่น่าดูที่สุดนับตั้งแต่ “เฟอร์กี้” เลิกคุมทัพไป

3 ประสานแนวรุกของ “หงส์แดง” อย่าง ซาดิโอ มาเน, โรแบร์โต ฟีร์มิโน และโมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ที่แม้ช่วงหลังจะดูว่าการประสานงานไม่ค่อยลงตัว แต่ก็ยังประมาทไม่ได้ทั้งแมคไกวร์กับลินเดเลิฟ ต้องเจองานหนักแน่

เช่นเดียวกับแนวรับ “หงส์แดง” ที่มาในสภาพค่อนข้างพิการตั้งแต่ต้นซีซันทั้งเวอร์จิล ฟาน ไดก์, โจ โกเมซ เจ็บยาว ส่วนโจเอล มาติป ต้องเช็กฟิตก่อน

ต้องวัดใจกันว่าถ้ามาติปไม่ฟิตคลอปป์จะใช้ดาวรุ่งอย่างรีสส์ วิลเลียมส์ ยืนคู่กับฟาบินโญ หรือจะให้จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีม ถอยต่ำลงมายืนเป็นคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟแต่ไม่ว่าช้อยส์ไหนแนวรับลิเวอร์พูลก็หนัก เพราะชั่วโมงนี้แนวรุก “ปิศาจแดง” ทั้งมาร์คัส แรชฟอร์ด, เอดินสัน คาวานี, บรูโน แฟร์นันเดส แม้กระทั่งปอล ป็อกบา กำลังท็อปฟอร์มแบบสุดๆ

รับรองจะเป็น “แดงเดือด” ที่มันส์สุดๆแน่มีโอกาสผลแพ้ชนะค่อนข้างสูง

ถ้าออกเสมอเกรงว่าจะเป็นแบบนิทานของไทย ตาอิน (แมนฯยู) แย่งปลา (แต้ม)กับ ตานา (ลิเวอร์พูล) แต่ตกลงกันไม่ได้ (เสมอ)

ก่อนสุดท้ายมีโอกาสที่จะโดนตาอยู่(แมนฯ ซิตี้) ที่แข่งน้อยกว่าแซงขึ้นไปรั้งจ่าฝูงไม่ทันตั้งตัว!!

มะระหวาน