บี บางปะกง
สัปดาห์ที่แล้วผมไลฟ์สดคุยกับ “น้าชู” ชูเกียรติ หนูสลุง อดีตแข้งทีมชาติไทยยุค “ดรีมทีม” ที่ปัจจุบันรั้งตำแหน่งประธานสโมสรบ้านเกิด ชัยภูมิ เอฟซี ในไทยลีก 3
“น้าชู” ย้อนประวัติสมัยค้าแข้งให้ฟังว่า ตนเป็นหนี้บุญคุณของ “ลุงหอย” หรือ “บิ๊กหอย” ธวัชชัย สัจจกุล อดีตผู้จัดการทีมชาติไทยนามอุโฆษ ที่เข้ามาพลิกชีวิตของนักเตะไทยในรุ่นนั้นให้ร่ำรวย ได้ดิบ ได้ดี ไปตามๆกัน
ถ้ามีโอกาสอยากให้แข้งไทยที่ “บิ๊กหอย” เคยเซ็นเช็คให้ไปซื้อบ้าน ซื้อรถ แวะเวียนไปเยี่ยมลุงแกบ้าง หรือไม่มีเวลาจริงๆก็ยกหูโทรศัพท์ไถ่ถามสารทุกข์ดิบ หรือชวนแกคุยแก้เหงาก็ยังดี
ได้ยิน “น้าชู” บอกมาอย่างนี้ ผมเลยค้นหาเบอร์โทร.ของ “พี่หอย” แล้วต่อสายไปเชิญแกมาโฟนอินในรายการ “เม้าส์กีฬาประสาบี บางปะกง” ของตัวเอง ให้แฟนๆได้ยินเสียงคลายความคิดถึงกันบ้าง
คนชื่อ “ธวัชชัย สัจจกุล” ในวัยใกล้ 80 แม้สังขารจะร่วงโรย มีปัญหาดวงตาเลือนราง มองอะไรไม่ค่อยชัด เพราะโดน “ต้อหิน”เล่นงาน
แต่การพูดจายังชัดเจน ฉะฉานเหมือนเดิม
“บิ๊กหอย” เล่าถึงอดีตอันเรืองรองของตัวเองอย่างภาคภูมิใจ ตั้งแต่วันแรกที่เดินเข้ามาขอเป็นผู้จัดการฟุตบอลทีมชาติไทย สร้างความเปลี่ยนแปลงให้วงการลูกหนังบ้านเราอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
โดยเฉพาะ “นักฟุตบอล” ที่เมื่อก่อนเคยได้เบี้ยเลี้ยงซ้อมวันละไม่ถึงร้อย พอมายุคที่แกเข้ามาดูแลทีมชาติ ทุกคนกลายเป็น “เศรษฐีลูกหนัง” เงินเดือน 3–5 หมื่น
จากเคยนั่งรถเมล์มาซ้อมบอล เปลี่ยนเป็นขับเก๋งป้ายแดงกันเป็นทิวแถว
เพราะ “บิ๊กหอย” เชื่อว่าเมื่อเรายกระดับรายได้ของนักบอลให้สูงขึ้น ปัญหาโลกแตกเรื่อง “ล้มบอล” เฉกเช่นอดีตก็จะค่อยๆ หมดไป
ความสำเร็จที่ทุกคนใฝ่หาในการครอง “เจ้าอาเซียน” อย่างยั่งยืน ก็จะเข้ามาแทนที่
เวลา 10 กว่าปี บนเก้าอี้นายใหญ่ทีมชาติ แกพิสูจน์แล้วว่าทฤษฎีนี้เป็นความจริง แม้ตัวเองจะหมดเงินส่วนตัวไปไม่ต่ำกว่า 200 ล้าน แต่เมื่อแลกกับความมันส์สะใจ และความสุขของแฟนบอลทั้งชาติในยามที่ฟุตบอลชนะแล้ว มันคุ้มแสนคุ้ม!!
ถึงวันนี้ตนไม่เคยนึกเสียดายเลยกับสิ่งที่ผ่านมา ยิ่งภูมิใจซะอีกเมื่อได้เห็นผลผลิตที่ตัวเองสร้างมาแต่ละคน เติบโตขึ้นมาเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพของวงการในยุคปัจจุบัน
โดยเฉพาะศิษย์รักอย่าง “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง น่าจะเป็นนักบอลที่ได้จากตนไปเยอะที่สุด เพราะเขามีผลงานโดดเด่นต่อเนื่อง และประคองตัวอยู่ในสังคมฟุตบอลทั้งเมื่อตอนเป็นนักเตะและก้าวมาเป็นโค้ชได้อย่างสง่างาม
เป็นเรื่องน่าแปลกที่ชื่อของ “บิ๊กหอย” สมัยพีกๆอยู่คู่กับคำว่า “ขี้โม้” และดูจะเป็นไม้เบื่อไม้เมาที่สื่อกีฬาลากแกมาทะเลาะด้วยอยู่เป็นประจำ
ต่างจากตอนนี้ที่ไม่มีอำนาจวาสนาอะไรอีกแล้ว แต่เมื่อนึกถึง “ความสุขสมหวัง” ของฟุตบอลไทยทีไร ภาพของธวัชชัย สัจจกุล จะต้องถูกนึกถึงเป็นลำดับต้นๆ เสมอ
หลายสิ่ง หลายอย่าง ในชีวิตอาจเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา แต่สิ่งหนึ่งที่ “บิ๊กหอย” ไม่เคยเปลี่ยนคือ เสียงหัวเราะร่วนตามแบบฉบับคนอารมณ์ดี ไม่มีซีเรียส
ปัจจุบันบอลบ้านเราไปถึงไหนต่อไหนแล้วไม่รู้
รู้แต่ว่าทุกคน...ยังคิดถึง “ลุงหอย” เสมอครับ!!!
บี บางปะกง