บี บางปะกง
วันแม่ปีนี้ ผมตั้งใจจะไม่เขียนเรื่องซีเรียส ชวนปวดเศียรเวียนเกล้า ที่กำลังเกิดขึ้นในวงการฟุตบอลบ้านเรายามนี้ครับเพราะอยากเปลี่ยนบรรยากาศมาคุยเรื่องเบาๆที่เกี่ยวกับความผูกพันในครอบครัว ระหว่างคนเป็น “ลูก” กับคนเป็น “แม่” ที่เป็นความประทับใจส่วนตัวมาช้านาน
โดยเฉพาะในแวดวงลูกหนังคงไม่มีภาพ ความผูกพันใดจะติดตาตรึงใจ และคุ้นเคยแฟนบอล ได้มากไปกว่า
ความรักระหว่าง “แม่ติ๋ม” สุนทรีย์ ธรรมสัจจานันท์ กับยอดนายทวารทีมชาติไทย “ตอง” กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์
ร่วม 20 ปีมาแล้วครับ ที่ผมรู้จักกับครอบครัวของกวินทร์
ตั้งแต่เจ้าตัวยังอยู่ในวัยเด็กเข้ามาคัดตัวเป็น เยาวชนทีมชาติไทย รุ่นอายุ 11 ปี ชุดลุยศึกไซตามะคัพ ที่ญี่ปุ่น โดยมี “จูเนียร์” วัชร วัชรพล เป็นผู้จัดการทีม และมี “พี่เบ” ธนา ทุมมานนท์ คอยเป็นผู้ช่วยอยู่ไม่ห่าง
ผมเจอกับ “แม่ติ๋ม” ครั้งแรกที่สนามซ้อมหนองจอก ยังจำภาพของผู้หญิงท่าทางใจดี ถือตะกร้าใส่กระติกน้ำ ขนม นม เนย พร้อมสรรพ
เอามาแบ่งปันให้ผู้ปกครองคนอื่น และเพื่อนๆ นักเตะของ “เจ้าตอง” อยู่เป็นประจำ
ขนาดผมเองเป็นนักข่าวก็พลอยได้อานิสงส์อิ่มหนำสำราญกับเค้าไปด้วย
ชีวิตของ “ตอง” ตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยห่างจากแม่เลยครับ
ทุกครั้งที่เห็นตองจะต้องเห็น “แม่ติ๋ม” อยู่ใกล้ๆเสมอ
เป็นเสมือน “ลมใต้ปีก” ที่คอยสนับสนุนให้ลูกชายคนนี้โลดแล่นอยู่ในยุทธจักรลูกหนังอย่างมั่นใจมาตลอด
บุคลิกสุภาพ อ่อนโยน มีสัมมาคารวะกับคนรอบข้างอยู่เสมอ คือสิ่งที่พ่อแม่ตองเฝ้าพร่ำสอน อบรมเลี้ยงดูให้ยอดนายทวารทีมชาติไทยเติบใหญ่ขึ้นมาเป็น “นักกีฬาคุณภาพ” ของวงการ
จากประตูมือ 1 (ตลอดกาล) ของเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ประสบความสำเร็จกับทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตมาอย่างเหลือคณานับ
“กวินทร์บินได้” ตัดสินใจออกจาก “เซฟโซน” ของตัวเอง ไปเผชิญความท้าทายในลีกยุโรปกับโอเอช ลูเวิน ที่เบลเยียม
ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมา แม้เจ้าตัวจะยังไม่บรรลุจุดหมายในการพิสูจน์ตัวเองในต่างแดนเท่าใดนัก
แต่ “เจ้าตอง” ก็อดทนต่อสู้จนได้มีโอกาสมาอยู่ที่ญี่ปุ่นกับคอนซาโดเล ซัปโปโร ด้วยสัญญายืมตัว
แน่นอนว่าเส้นทางก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ (อีก) เพราะเขายังรอโอกาสยึดตำแหน่งตัวจริงของทีมจากนายทวารเจ้าถิ่นอยู่ในตอนนี้
วันก่อนผมมีโอกาสได้คุยกับคุณแม่ของตอง ถึงสารทุกข์สุกดิบของเจ้าตัวว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง กับชีวิตการเป็นนักเตะอาชีพแดนซามูไรในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
“แม่ติ๋ม” ยืนยันว่าตองยังสบายดี ไม่มีอะไรต้อง กังวล เพราะเขาเป็นมืออาชีพที่พร้อมจะทุ่มเทให้กับสโมสรเกินร้อย ไม่ว่าตอนนี้จะอยู่ในสถานะใดก็ตาม
การไปค้าแข้งต่างประเทศคือความใฝ่ฝัน สูงสุดของลูกชายมาเนิ่นนานแล้ว
อุปสรรคปัญหาต่างๆที่เจ้าตัวเจอคือบททดสอบความแข็งแกร่งทางจิตใจ
ซึ่งที่ผ่านมา “ตอง” เองไม่เคยปริปากบ่นให้แม่ฟังเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ทุกวันนี้เราโทร.คุยกันเขาก็ไม่เคยเล่าเรื่องฟุตบอลสักเท่าไหร่คงกลัวแม่จะกังวล
แม่เองก็ไม่ได้ไปกดดันอะไรเค้า ได้แต่ให้กำลังใจและบอกให้ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด
ของขวัญวันแม่ปีนี้ ก็คงไม่มีอะไรมาก ขอให้ลูก “มีความสุข” กับภารกิจที่ตัวเองกำลังทำอยู่
แค่นี้คนเป็นแม่...ก็อิ่มใจแล้ว!!!
บี บางปะกง