หน้าแรกแกลเลอรี่

อ็อกซ์ฟอร์ด ยูไนเต็ด

บี บางปะกง

10 ก.ค. 2563 05:01 น.

เกือบ 5 ปีที่แล้ว ผมมีโอกาสได้รู้จักกับ คนชื่อ “สัมฤทธิ์” พร้อมๆกันถึง 2 คน

คนแรกชื่อ สัมฤทธิ์ บัณฑิตกฤษดา หรือ “เสี่ยบิ๊ก” ที่เข้ามาสร้างความฮือฮาด้วยการเป็นนายใหญ่สโมสรอินทรีเพื่อนตำรวจที่ปัจจุบันหายจากสารบบฟุตบอลไทยไปแล้ว

ขณะที่อีกหนึ่ง “สัมฤทธิ์” คือ “บิ๊กเสือ” สัมฤทธิ์ ธนะกาญจนสุทธิ์ ซึ่งเป็นนักธุรกิจไทย ที่ลงทุนไปซื้อหุ้นเป็นเจ้าของทีมลูกหนังในอังกฤษอย่าง สโมสร “เรดดิ้ง” ร่วมกับคุณหญิงศศิมา ศรีวิกรม์ และนรินทร์ นิรุตตินานนท์

สัมฤทธิ์แรกคงไม่ต้องพูดถึง เพราะเขาไปตามทางตัวเองตั้งนานแล้ว คงเหลือแต่สัมฤทธิ์ คนหลัง ที่ยังโลดแล่นอยู่ในยุทธจักรฟุตบอลเมืองผู้ดีแบบเงียบๆ ไม่ได้เป็นข่าวคราวโด่งดังอะไรมากมายนัก

แต่ “บิ๊กเสือ” สัมฤทธิ์ ธนะกาญจนสุทธิ์ คนนี้นี่แหละครับ คือประธานสโมสร “อ็อกซ์ฟอร์ด ยูไนเต็ด” ทีมในลีกวัน ที่กำลังจะลุ้นเลื่อนชั้นไปเล่นลีกแชมเปียนชิปฤดูกาลหน้า หากพวกเขาเอาชนะวีคอมป์ในเกมเพลย์ออฟวันที่ 13 ก.ค.นี้ได้สำเร็จ

ความจริงชื่อของ “อ็อกซ์ฟอร์ด ยูไนเต็ด” คุ้นหูแฟนบอลบ้านเรามานานพอสมควร โดยเฉพาะในช่วงกลางทศวรรษที่ 80 ซึ่งเป็นยุคสร้างชื่อของสโมสรที่มีกุนซือดังอย่างจิม สมิธ กับมัวริซอีแวนส์ ที่พาทีมขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุด (ดิวิชั่น 1)เวลานั้น

และยังสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์บอลถ้วย “มิลค์คัพ” มาครองอย่างยิ่งใหญ่ที่สนามเวมบลีย์ ในฤดูกาล 1986-87 ได้อีกต่างหาก

ชื่อของยอดนักเตะชั้นนำ อย่าง จอห์น อัลดริดจ์, เรย์ เฮาจ์ตัน รวมถึง ดีน ซอนเดอร์ ที่ต่อมาย้ายมาได้ดิบได้ดีกับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ล้วนแต่แจ้งเกิดในเสื้อเหลืองของทีมตราหัววัวมาก่อนทั้งสิ้น

คุณสัมฤทธิ์เล่าให้ผมฟังว่า ความจริง แกเกือบจะล้มเลิกความตั้งใจมาบริหารทีมในอังกฤษแล้ว หลังจากผิดหวังที่เรดดิ้งแพ้ในเกม

ชิงดำเพลย์ออฟชวดขึ้นไปโชว์ฝีเท้าในพรีเมียร์ลีกเมื่อหลายปีก่อน จนตัวเองและหุ้นส่วนตัดสินใจโบกมือลาทีม

แต่บังเอิญมีเพื่อนฝูงมาชักชวนให้ไปลองซื้อสโมสรอื่นๆในลีกล่างมาลองทำดู ซึ่งก็มีหลายทีมมาเสนอขายในเวลานั้น แต่ชื่อของอ็อกซ์ฟอร์ดดูจะสะดุดหูที่สุด เพราะเป็นเมืองมหาวิทยาลัยชื่อดังของโลก แถมการเดินทางก็สะดวกเพราะอยู่ห่างลอนดอนแค่ไม่ถึงชั่วโมง

ดูเหมือน “บิ๊กเสือ” จะถูกโฉลกกับการพาทีมลุ้นเลื่อนชั้น เพราะแค่ปีที่ 2 ของการทำหน้าที่ประธานสโมสรแห่งนี้ ที่เขาทุ่มทุนซื้อหุ้นมาบริหารคนเดียวถึง 75 เปอร์เซ็นต์

จากทีมที่ต้องดิ้นรนหนีตกชั้น อ็อกซ์ ฟอร์ด ยูไนเต็ด พลิกสถานการณ์สุดขั้ว จนกลายมาเป็นสโมสรที่กำลังจะได้ลุ้นตั๋วใบที่ 3 สู่ลีกรองในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

โดยเป้าหมายที่แท้จริงของคุณสัมฤทธิ์ไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้ แกเผยกับผมว่านี่เป็นแค่บันไดขั้นแรกที่จะทำฝันของตัวเองให้เป็นจริงให้ได้ ด้วยการเป็นคนไทยคนที่ 3 ที่เป็นเจ้าของสโมสรในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ต่อจากอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร (แมนฯซิตี้) และเจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา (เลสเตอร์ ซิตี้)

ส่วนหนทางข้างหน้าจะทำได้หรือไม่นั้น... ให้ผ่านวันจันทร์นี้ไปก่อน

ค่อยมาว่ากันอีกที!!!

บี บางปะกง