หน้าแรกแกลเลอรี่

ตะลุยฟุตบอลโลก : ปิดฉากหงส์ไร้พ่าย

มะระหวาน

2 มี.ค. 2563 05:01 น.

สิ้นสุดสถิติไม่แพ้ใครมา 44 นัดติดในลีกสำหรับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ว่าที่แชมป์พรีเมียร์ลีกหลังจากบุกไปโดน “แตนอาละวาด” วัตฟอร์ด รองบ๊วยของตารางต่อยจนพังพาบ 0–3 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

จากสกอร์ที่ออกมาถือว่าช็อกเลยทีเดียวเพราะจริงๆ สกอร์ที่ออกมาควรจะเป็น “หงส์แดง” ชนะ 3-0 มากกว่าแพ้ 0-3 แต่ก็อย่างที่เรียนให้ ทราบว่าลูกบอลลูกกลมๆ มีลมอยู่ข้างใน อะไรมันก็เกิดขึ้นได้

ลิเวอร์พูลไม่แพ้ใครมาอย่างยาวนาน แพ้ แมนฯ ซิตี้ 1-2 ในวันที่ 3 ม.ค.ปี 2019 จากวันนั้นสู่วันนี้ก็เป็นเวลา 422 วัน

หลายฝ่ายอาจจะเสียดายสถิติไร้พ่ายตลอดฤดูกาลของ “หงส์แดง” ในฤดูกาลนี้ที่สาวก “เดอะ ค็อป” หวังว่าทีมจะทำให้ได้เหมือนอาร์เซนอล ที่เคยทำเอาไว้ได้ในฤดูกาล 2003-2004

แต่เชื่อว่า เจอร์เกน คลอปป์ นายใหญ่ชาวเยอรมันไม่เสียดาย เพราะตลอดเวลากุนซือเลือดดอยทช์ได้พูดเสมอว่า “หงส์แดง” ไม่หวังทำสถิติไร้พ่าย เพราะมันเป็นเรื่องที่ยากมากๆ และมันก็เป็นจริงอย่างที่คลอปป์กล่าวเอาไว้

จากความพ่ายแพ้ของ “หงส์แดง” ถือว่าเป็นเกมที่เล่นกันได้อย่างย่ำแย่จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้งกองหน้า, กองกลาง และกองหลัง มีเพียงแค่ อลิสสัน เบคเกอร์ จอมหนึบชาวบราซิล ที่เล่นได้ดีเซฟอยู่หลายจังหวะ

เป้าหมายแรกของความย่ำแย่ในเกมนี้คือแนวรับการขาดหายไปของโจ โกเมซ ปราการหลังดาวรุ่งที่เจ็บทำให้ต้องใช้เดยัน

ลอฟเรน มาลง สนามเคียงข้างเวอร์จิล ฟาน ไดก์ มันคือหายนะของเกมนี้เลยก็ว่าได้

เพราะลอฟเรนเล่นได้อย่างย่ำแย่ไม่สามารถหยุดทรอย ดีนีย์ กองหน้าของวัตฟอร์ดได้เลย ส่วน ฟาน ไดก์ เมื่อลอฟเรนพลาด ตัวเองจะตามแก้ก็ไม่ทันแล้ว จนเล่นผิดจังหวะอยู่หลายครั้งเหมือนกัน

เรียกได้ว่าไม่เคยเห็นฟาน ไดก์ วิ่งหัวซุก หัวซุนขนาดนี้มาก่อนเลย

อีกหนึ่งปัจจัยจากความพ่ายแพ้ของ “หงส์ แดง” คือความฮึกเหิมของทีม เชื่อว่าส่วนหนึ่งมา จากการหายไปของจอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมตัวจริงที่มีอาการบาดเจ็บจนไม่พร้อมลงสนาม

แม้ว่าก่อนหน้านี้แฟนหงส์จะค่อนขอดเฮนโด้ ไม่ใช่กัปตันตัวจริง เป็นฟาน ไดก์ เสียมากกว่า

แต่สุดท้ายศูนย์รวมจิตใจของแข้ง “หงส์แดง” ก็คือเฮนโด้อยู่ดี

การขาดหายไปของเฮนเดอร์สัน ทำให้แดนกลางลิเวอร์พูลช็อตไปดื้อๆ ไม่มีใครเชื่อมเกมจากแดนหลังไปป้อนให้ 3 ประสานอย่างซาดิโอ มาเน, โรแบร์โต ฟีร์มิโน และโมฮัมเหม็ด ซาลาห์ คนที่ลงมาแทนอย่างอเล็กซ์ อ็อกเลด แชมเบอร์เลน ก็ทำหน้าที่เทียบเท่าไม่ได้

จนทำให้ 3 ประสานแนวรุกของ “หงส์แดง” ในเกมนี้แทบจะไม่ได้สร้างความอันตรายให้เห็นเลยแม้แต่นิดเดียว

เชื่อว่าตอนนี้สาวก “หงส์แดง” คงพอจะมองเห็นแล้วว่าใครเป็นคนที่ทำหน้าที่ปิดทอง หลังพระให้ลิเวอร์พูลโดยแท้จริง

เป็นงานหนักของคลอปป์ ที่จะอุดช่องโหว่ของการขาดหายไปของเฮนเดอร์สันให้ได้ เพราะยังไม่แน่ใจว่ากัปตันทีมชาวผู้ดีจะหายเจ็บเมื่อไร

แต่อีกแง่มุมหนึ่งอย่างที่คลอปป์บอกว่าพ่ายแพ้ในเกมนี้ก็ดี เพราะ “หงส์” จะไม่ต้องแบกคำว่าไร้พ่ายอีกต่อไป

เมื่อปลดล็อกคำนี้ปุ๊บเชื่อว่า “หงส์แดง” น่าจะทำได้ดีขึ้นหลังจากนี้

แม้ว่าจะพ่ายแพ้ในฤดูกาลนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าส่งผลต่อบรรดานักเตะเท่าไร

เพราะเป้าหมายสำคัญคือการคว้าแชมป์มากกว่า!!

มะระหวาน