หมวดแซม
สุดท้ายแล้วก็ไม่มีดราม่าเกิดขึ้นในฟุตบอลพรีเมียร์ลีกนัดปิดฤดูกาล เมื่อ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกซีซัน 2018-19 ไปครองได้สำเร็จ หลังบุกถล่มไบรท์ตันขาดลอย 4-1 ทำให้ลูกทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอลา เก็บไปได้ถึง 98 คะแนน ทะยานซิวแชมป์ ด้วยการเฉือนชนะ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล แค่ปลายจมูกเพียงคะแนนเดียวเท่านั้น
นับตั้งแต่บุกไปแพ้นิวคาสเซิล 1-2 เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2019 แมนฯซิตี้ก็ทำผลงานได้อย่างสุดยอดไร้เทียมทาน ด้วยการเดินหน้าเก็บชัยชนะในลีก 14 เกมรวด โดยไม่มีคำว่าแพ้หรือเสมอมาเจือปนแม้แต่เกมเดียว
นั่นทำให้แมนฯซิตี้ ประกาศศักดาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2018-19 และเป็นทีมแรกที่ซิวแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัยติดต่อกัน นับตั้งแต่แมนฯยูเป็นทีมสุดท้ายที่ทำได้ เมื่อปี 2009
นับเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยที่ 4 ของแมนฯซิตี้ ซึ่งเป็นรองแค่แมนฯยูไนเต็ด (13 สมัย) และเชลซี (5 สมัย) ที่คว้าแชมป์ได้มากกว่าพวกเขา นอกจากนี้ยังเป็นแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีสมัยที่ 6 (ดิวิชัน 1+พรีเมียร์ลีก) ในประวัติศาสตร์ของทีมเรือใบสีฟ้าด้วย
ต้องยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าลิเวอร์พูลพลาดทำแชมป์หลุดมือเอง เพราะมีโอกาสที่จะโกยคะแนนทิ้งห่างแมนฯซิตี้ ไปไกลถึง 7 แต้ม เมื่อช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา
แต่ “หงส์แดง”กลับทำได้แค่เปิดรังแอนฟิลด์เสมอกับเลสเตอร์ ซิตี้ 1-1 ในเกมนัดที่ 24 ของฤดูกาล เมื่อวันที่ 30 มกราคม ปี 2019 ทั้งที่ซาดิโอ มาเน ยิงให้หงส์แดงนำเร็ว 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 3 แต่มาโดนทีเด็ดทีมจิ้งจอกสยามไล่ตีเสมอ จากการซัดของแฮร์รี แมคไกวร์ ในช่วงทดเจ็บครึ่งแรก
ทำให้สถานการณ์ลุ้นแชมป์ในตอนนั้น หลังเล่นไป 24 นัดเท่ากัน เป็นลิเวอร์พูลที่นำจ่าฝูง แต่มีคะแนนนำแมนฯซิตี้อยู่ 5 แต้ม ก่อนที่ทีมเรือใบสีฟ้าจะเร่งเครื่องตบเกียร์ห้า เดินหน้าคว้าชัย 14 แมตช์รวด เก็บได้ถึง 42 แต้ม แซงหน้าลิเวอร์พูลเข้าป้ายคว้าแชมป์ในท้ายที่สุด
สำหรับลิเวอร์พูลถึงจะชวดแชมป์ แต่ต้องยกย่องว่าพวกเขาเป็นทีมอันดับ 2 ที่ดีที่สุดตลอดกาลในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก เพราะการเก็บได้ถึง 97 คะแนนนั้น ถือเป็นผลงานที่น่าทึ่งมากๆ
นี่ถ้าไม่มีคู่แข่งอย่างแมนฯซิตี้ ป่านนี้ลิเวอร์พูลก็คงได้แชมป์ลีกหนแรกในรอบ 29 ปีไปแล้ว
ขณะที่ผลงานอันสุดยอดของแมนฯซิตี้ ต้องยกเครดิตให้กับเป๊ป กวาร์ดิโอลา กุนซือสมองเพชรชาวสแปนิช ไปเต็มๆ
สองฤดูกาลที่ผ่านมา เป๊ปนำแมนฯซิตี้เก็บได้ถึง 198 คะแนนในพรีเมียร์ลีก (100 แต้มเมื่อฤดูกาลที่แล้ว และ 98 แต้มในฤดูกาลนี้) ถือเป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีซของยอดกุนซือชาวสเปน และคงเป็นสถิติที่ยากจะทำลายไปอีกนานแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ภารกิจของแมนฯซิตี้ในฤดูกาลนี้ยังไม่จบ เพราะทีมเรือใบสีฟ้ายังมีคิวลงเตะนัดชิงชนะเลิศเอฟเอคัพกับวัตฟอร์ด ที่สนามเวมบลีย์ ในวันเสาร์ที่ 18 พ.ค.นี้
เป๊ปออกมากระตุ้นลูกทีมแมนฯซิตี้ของเขาให้เดินหน้าสร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมแรกที่คว้าเทรบเบิลแชมป์หรือสามแชมป์บอลผู้ดีในฤดูกาลเดียว ด้วยการคว้าแชมป์เอฟเอคัพมาครองให้ได้ หลังกวาดมาได้แล้ว 2 แชมป์คือพรีเมียร์ลีกและคาราบาวคัพ
ดูแววแล้ว มีความเป็นไปได้สูงมากทีเดียวที่แมนฯซิตี้จะผงาดซิว 3 แชมป์ในซีซันนี้.
หมวดแซม