หน้าแรกแกลเลอรี่

โลกพ้นวิกฤติ กีฬาขับเคลื่อน ซีเกมส์-เอเชียนเกมส์-อินดอร์ฯ รออยู่

ไทยรัฐฉบับพิมพ์

1 ม.ค. 2566 07:01 น.

เข้าสู่ศักราชใหม่ 2566 หรือ ค.ศ.2023 น่าจะเป็นสัญญาณเริ่มต้นที่ดีของโลกใบนี้ เมื่อปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในภาพใหญ่ คลี่คลายลงไปมาก แม้ในบางประเทศยัง กลับมาอาละวาดกันอยู่ แต่ก็น่าจะควบคุมกันได้

โดยรวมๆแล้ว การเดินทางไปมาหาสู่กัน ของคนทั่วทั้งโลก ทำได้ใกล้เหมือนเดิมแล้ว แค่นี้ก็แฮปปี้กันไปหมด ทว่าก็อาจมีบ้างในเรื่อง ของเอกสารหรือแอปพลิเคชัน ที่จะต้องกรอกกัน มากกว่าเก่า แต่ก็ดีกว่าเดิม ที่แทบจะขยับตัวไปไหนกันไม่ได้เลย

นั่นเป็นภาพรวม เป็นสถานการณ์ของโลกเรา

แคบลงมาในวงการกีฬาโลก ก็ต้องยอมรับ ว่าก่อนหน้านี้ไวรัสอันตรายทิ้งร่องรอยความเสียหายไว้ไม่น้อย เฉพาะในด้านผลกระทบกับ การแข่งขัน ที่บางรายการสู้ไม่ไหว มีอันต้องยกเลิกกันไป เพราะเดินทางไปมาเพื่อแข่งขันกันไม่ได้ หรือจะมาถึงแต่ละประเทศได้ ก็มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด

ในอีกด้านบางเกมยอมที่จะกัดฟัน ขอ เลื่อน ขอขยับ ออกไปก่อน ด้วยหวังว่าวันข้างหน้าอาจจะมีอะไรๆดีขึ้น และแน่นอนว่า เมื่อโควิดจางหายไป มหกรรมกีฬาและการแข่งขัน หลายรายการก็กลับมาจัดกันได้เหมือนเดิมถือเป็นโชคดีที่เลือกจะเลี่ยงจนได้ผล

แต่ปัญหาอย่างหนึ่งที่ตามมา ในเมื่อเลื่อนมาและเมื่อรวมกับโปรแกรมเดิมที่วางกันไว้ล่วงหน้า จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าในปี 2023 คิวแข่งขันของทัพไทย รวมไปถึงการเป็นเจ้าภาพ กีฬาของไทย เลยต้องแน่นตามไปด้วย

โดยเกมการแข่งขันที่เกี่ยวข้องกับไทยในปีนี้มีอะไรบ้าง เยอะแค่ไหน ลองไปติดตามกัน

เริ่มจากในระดับมหกรรมกีฬาจะออกสตาร์ตกันตั้งแต่ซีเกมส์ ครั้งที่ 32 วันที่ 5–17 พ.ค. ต่อด้วยอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 12 วันที่ 1–10 มิ.ย. 2 เกมนี้จะมีขึ้นที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ถือว่าเป็นโปรแกรมเดิม ตรงคิวอยู่แล้ว

จากนั้นเป็นกีฬาชายหาดโลก เวิลด์ บีช เกมส์ ครั้งที่ 2 ที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย เกมนี้จัดโดยสมาคมสหพันธ์โอลิมปิกแห่งชาติ (แอนน็อก) และเดิมต้องจัดในปี 2021 แต่ด้วยปัญหาโควิด-19 จึงทำให้ต้องเลื่อนมาแข่งขันในปีนี้วันที่ 5-12 ส.ค. แทน

เช่นเดียวกับกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 และเอเชียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 ที่เมืองหางโจว ประเทศจีน เดิมต้องจัดไปเมื่อปี 2022 แต่เจ้าของเกม สภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (โอซีเอ) และเจ้าภาพจีน เห็นตรงกันว่า สถานการณ์ในช่วงนั้นยังไม่สู้ดีจึงเลื่อนมาจัดในปีนี้

โดยเอเชียนเกมส์จากเดิมจะจัดวันที่ 10-25 ก.ย.2022 ต้องขยับมาจัดวันที่ 23 ก.ย.-8 ต.ค.นี้ ส่วนเอเชียนพาราเกมส์ เดิมวันที่ 9-15 ต.ค.2022 วันแข่งขันใหม่ กำหนดให้มีขึ้นวันที่ 22-28 ต.ค.นี้

และมหกรรมกีฬาใหญ่ส่งท้ายปี ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพ ได้แก่ กีฬาเอเชียนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์ ครั้งที่ 6 ที่กรุงเทพฯ และชลบุรี

จริงๆแล้ว เกมนี้จะแข่งขันวันที่ 10-19 มี.ค.2021 ก่อนที่จะกำหนดวันใหม่อีกครั้ง เป็นวันที่ 10-22 มี.ค.2022 แต่จากปัญหาไวรัสโควิด-19 ทำให้รัฐบาลตัดสินใจเลื่อนการชิงชัยออกไปในปี 2023 แทน ซึ่งโอซีเอเห็นชอบให้เลื่อนได้และกำหนดวันแข่งใหม่เป็นวันที่ 17-26 พ.ย.นี้

ในเรื่องนี้ “บิ๊กต้อม” นายธนา ไชยประสิทธิ์ รองประธานและเหรัญญิก คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ในฐานะหัวหน้านักกีฬาไทย กล่าวว่า ต้องยอมรับว่า ในปีนี้มหกรรมการแข่งขันกีฬาที่ไทย ต้องเข้าร่วมมีมากกว่าเดิม

โดยเฉพาะกับการที่เอเชียนเกมส์ เลื่อนจากปีที่แล้วมาจัดในปีนี้ ทำให้มาอยู่ในปีเดียว กับซีเกมส์ อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน อีกทั้งเอเชียนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์ก็ถูกเลื่อนมาจัดในปลายปีนี้ด้วย

ทำให้หลักๆแล้วทัพไทยจะมีอย่างน้อย 3 เกมที่จะแข่งขัน หากรวมเวิลด์บีช เกมส์ก็จะมี 4 รายการ ส่วนนักกีฬาคนพิการไทยก็จะมี 2 เกมให้ร่วมชิงชัยควบคู่กันไป

หัวหน้านักกีฬาไทยกล่าวต่อว่า ส่วนตัวมองว่า แม้เกมการแข่งขันจะมีมาก แต่หากกีฬาไหนที่มีแข่งขันทั้ง 3 เกม มีการวางแผนที่ดีก็จะส่งผลดีต่อนักกีฬา เพราะช่วงเวลาของแต่ละเกมไม่ได้ใกล้กันมาก

หากมีการเตรียมตัวที่ดี วางจุดพีกของนักกีฬาให้เหมาะสม ก็จะส่งผลดีต่อตัวนักกีฬา

“สำหรับเป้าหมายของทัพไทยในซีเกมส์ ยังคงต้องเป็นเจ้าของเหรียญทองกีฬาสากลที่มีแข่งขันในกีฬาโอลิมปิก ส่วนเอเชียนเกมส์ รวมถึงเอเชียนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์ อันดับเหรียญทองต้องไม่น้อยกว่าเดิม หรือต้องดีกว่าเดิม” นายธนากล่าว

ทั้งนี้ จากซีเกมส์ครั้งที่ 31 เจ้าภาพเวียดนาม ครองเจ้าเหรียญทอง ทำไปได้ 205 เหรียญทอง 125 เหรียญเงิน 116 เหรียญทองแดง ขณะที่ไทย จบอันดับ 2 มี 92 เหรียญทอง 103 เหรียญเงิน 136 เหรียญทองแดง ส่วนอันดับ 3 อินโดนีเซีย 69 เหรียญทอง 91 เหรียญเงิน 81 เหรียญทองแดง

แยกเฉพาะกีฬาสากล ทัพไทยเก็บไป 40 เหรียญทอง 55 เหรียญเงิน 57 เหรียญทองแดง ยังเป็นรองเวียดนามที่ทำได้ 87 เหรียญทอง 53 เหรียญเงิน 45 เหรียญทองแดง กว่าครึ่ง ส่วนอันดับ 3 เป็นอินโดนีเซีย 32 เหรียญทอง 31 เหรียญเงิน และ 32 เหรียญทองแดง

ขณะที่เอเชียนเกมส์ครั้งที่ 18 ที่ประเทศอินโดนีเซีย ทัพไทยจบอันดับ 12 ทำได้ 11 เหรียญทอง 16 เหรียญเงิน 46 เหรียญทองแดง โดยจีน เป็นเจ้าเหรียญทอง คว้าไปถึง 132 เหรียญทอง 92 เหรียญเงิน 65 เหรียญทองแดง ส่วนเอเชียน อินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์ ครั้งที่ 5 ที่ประเทศ เติร์กเมนิสถาน นักกีฬาไทย จบอันดับ 6 คว้ามาได้ 21 เหรียญทอง 20 เหรียญเงิน 29 เหรียญทองแดง และทางเจ้าภาพเป็นเจ้าเหรียญทองได้ไป 89 เหรียญทอง 70 เหรียญเงิน 86 เหรียญทองแดง

ต้องติดตามกันให้ดีว่า นักกีฬาไทยจะทำผลงานในท้ายที่สุดได้ดีขนาดไหน!!!

นอกจากนี้ ในปีนี้ไทยยังจะได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาใหญ่ๆ อีกหลายรายการ เช่น รถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก โมโตจีพี 2023 โดยจะเป็นเจ้าภาพสนามที่ 18 ของฤดูกาล จากทั้งหมด 21 สนาม วันที่ 27-29 ต.ค. ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์

รวมไปถึงเป็นเจ้าภาพวอลเลย์บอลชิงแชมป์เอเชีย 2023 วันที่ 2–10 ก.ย. ที่จังหวัด นครราชสีมา, เนชันส์ ลีก 2023 วันที่ 27 มิ.ย.– 2 ก.ค. ที่อินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก จะมีทั้งหมด 8 ทีม ประกอบไปด้วย ไทย, อิตาลี แชมป์เก่า 2022, บราซิล รองแชมป์เก่า 2019, 2021, 2022, โครเอเชีย, ญี่ปุ่น, แคนาดา, เนเธอร์แลนด์ และตุรกี โดยแข่งชาติละ 3 นัดเท่านั้น และอาเซียนกรังด์ปรีซ์ อีกรายการ

นอกจากทีมตบลูกยางสาวไทย จะแข่งขัน ในรายการต่างๆข้างต้นแล้ว ยังจะได้สิทธิ์ไปเล่นรอบคัดเลือกโอลิมปิก ปารีส 2024 อีกด้วย

ยังรวมถึงกอล์ฟรายการใหญ่ ฮอนด้าแอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2023 ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 16 วันที่ 23-26 ก.พ.นี้ ที่สนามคันทรีคลับโอลด์คอร์ส พัทยา ซึ่งปีนี้จะกลับมาจัดงานแบบเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรก หลังจากก่อนหน้านี้ จัดแบบสนามปิดมาตั้งแต่ปี 2019

โดยมีโปรกอล์ฟสาวชั้นนำจากทั่วโลกกว่า 70 คน รวมถึงของไทย นำโดย “โปรเม” เอรียา จุฑานุกาล, “โปรจีน” อาฒยา ฐิติกุล, “แพตตี้” ปภังกร ธวัชธนกิจ, “โปรโม” โมรียา จุฑานุกาล มาร่วมชิงเงินรางวัลรวม 1.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 62 ล้านบาท

เรียกได้ว่า คิวแข่งขันของนักกีฬาไทย โดยเฉพาะซีเกมส์และเอเชียนเกมส์ที่มามีในปีเดียวกัน รวมถึงการเป็นเจ้าภาพของไทย ตลอดปี 2023 มีมากกว่าปีไหนๆ

ทุกสรรพกำลังของไทย ทั้งการกีฬาแห่งประเทศไทย คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ สมาคมกีฬา ภาคเอกชน คงต้อง ร่วมไม้ร่วมมือ ผนึกกำลังโชว์ศักยภาพของประเทศไปด้วยกัน

พร้อมๆกับวางแผนกันให้ดี ให้รัดกุม กับเกมการแข่งขันที่ชุกทีเดียว ซึ่งแน่นอนว่า อาจจะต้องเหนื่อยกันหน่อย แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ดีว่า โลกของเราพ้นวิกฤติมาแล้ว

กีฬาก็เข้าสู่โหมดขับเคลื่อนเต็มตัวกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

อย่างที่ควรจะเป็นแล้ว...

กราวกีฬาไทยรัฐ