ฉากต่อไปของ "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ของไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ จะเดินเกมอย่างไรหรือจบเท่านี้ ในการประกาศวางมือทางการเมือง หลังพรรครวมไทยสร้างชาติพ่ายแพ้ยับในศึกเลือกตั้ง ได้ที่นั่ง ส.ส.อย่างไม่เป็นทางการ ทั้งแบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อ รวม 36 ที่นั่ง

หากสังเกตท่าทีในขณะนี้ของลุงตู่ ยังคงนิ่งๆ เหมือนรอเวลาเพื่อเดินหน้าทำอะไรบางอย่าง แค่ออกมาพูดให้กำลังใจว่าที่ ส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติและยินดีกับผลการเลือกตั้ง ขอให้ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ส่วนอะไรจะเกิดขึ้นให้เป็นเรื่องของอนาคต เพราะยังอีกหลายขั้นตอน ขอยังไม่พูด และยังไม่ประกาศอะไรทั้งนั้น จะต้องเคารพกระบวนการ ไม่ไปยุ่งอะไรตอนนี้ เป็นเรื่องทางการเมือง เพียงแต่ให้ทุกคนสงบเรียบร้อย รักษาอุดมการณ์ของเราให้ได้ต่อไป

ตีความคำพูด "ลุงตู่" บอกชัดเจนไม่หยุดวางมือ

คำพูดล่าสุดของ พล.อ.ประยุทธ์ หากนำมาวิเคราะห์ส่องความคิดในใจว่าเป็นอย่างไร? “รศ.ดร.นันทนา นันทวโรภาส” คณบดีวิทยาลัยสื่อสารการเมือง มหาวิทยาลัยเกริก มองว่า จากการสื่อสารของ พล.อ.ประยุทธ์ หลังการเลือกตั้งเป็นต้นมา จะเห็นว่าไม่มีท่าทีจะยินดีหรือพูดเป็นการเป็นงานกับพรรคการเมืองที่ชนะเลือกตั้ง เพียงแต่พูดแสดงความยินดีกับทุกพรรคที่ได้คะแนนเสียงเท่านั้น เหมือนไม่ได้พูดแสดงสปิริตในการสื่อสาร เป็นธรรมเนียมปฏิบัติกับพรรคที่ได้เสียงข้างมาก เพราะพรรคตัวเองได้เสียงน้อยกว่า ก็ควรระบุออกมาขอแสดงความยินดีกับพรรคก้าวไกล ได้อันดับ 1 กับพรรคเพื่อไทย ได้อันดับ 2

...

“ต้องมีสปิริตสื่อสารประมาณว่ายินดีกับ 2 พรรค และยินดีจะสนับสนุนในการจัดตั้งรัฐบาล แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยพูดอย่างนี้ ไม่แสดงความยินดี ไม่สื่อสารว่าตัวเองจะหยุด จะยุติบทบาททางการเมือง ไม่เคยพูดเรื่องนี้เลย และเมื่อไม่พูด ก็เป็นการสื่อสารว่ายังไม่ยุติทางการเมือง เพราะถ้าจะยุติต้องพูดออกมา และทันทีที่เลือกตั้งเสร็จ ธนกร วังบุญคงชนะ ออกมาพูด พล.อ.ประยุทธ์ จะวางมือทางการเมือง จนต้องออกมาขอโทษจะไม่ก้าวล่วง พล.อ.ประยุทธ์ และนี่คือสัญญาณว่าไม่หยุด แต่จะไปต่ออย่างไรก็ไม่รู้ เกินความคาดเดา เพราะมี 36 เสียง จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยก็ไม่ได้ จะรวมกับพรรคร่วมเดิมก็ไม่ถึง 200 ไม่รู้จะไปต่ออย่างไร”

การสื่อสารที่นิ่งเฉยของ พล.อ.ประยุทธ์ หมายถึงจะไปต่ออย่างไร แต่ก็มีสัญญาณว่าพรรคพลังประชารัฐ จะสลายรวมกับพรรคเพื่อไทย เพื่อจัดตั้งรัฐบาล หรือมีโอกาสจะจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้ทั้งสิ้น เพราะกกต.ยังไม่รับรองผลการเลือกตั้ง และจริงๆ แล้วจะมีการสอยใบเหลือง ใบแดงอย่างไร ก็ต้องจับตาจะส่งผลต่อการจัดตั้งรัฐบาลได้ด้วยหรือไม่ รวมทั้งเรื่องคุณสมบัติของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และอนาคตพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นตัวแปรในการเปลี่ยนพรรครัฐบาล ทำให้ "ลุงตู่" นิ่งอยู่ รอดูสถานการณ์ แต่ไม่รู้จะไปอย่างไร

ขณะเดียวกัน พรรคก้าวไกล เดินเกมอย่างฉลาดในการให้พรรคร่วมเซ็น MOU จัดตั้งรัฐบาล รวม 8 พรรค และนับแต่นี้จะไปพบสถาบันการเมือง ไปพบสภาอุตสาหกรรมฯ สภาหอการค้าฯ และกลุ่มองค์กรใหญ่ๆ เหมือนเป็นการตีกินว่า "นี่คือรัฐบาลชุดใหม่ไปโดยปริยาย" ภายหลังการมัดมือ 8 พรรคได้เสียงรวมทั้งหมด 313 เสียง และจะนำมุมมองในการหารือกับองค์กรต่างๆ ไปจัดทำนโยบาย เป็นการส่งสารไปยังพรรคร่วมรัฐบาลเดิม อย่าได้ตั้งรัฐบาลมาแข่งขัน จากความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ที่ประชาชนยอมรับ

หวั่นเหตุนอกระบบแทรก รัฐประหารเป็นศูนย์ อาจไม่จริง

แต่ด้วยการเมืองไทยมักจะมีอะไรนอกระบบเข้ามาแทรก อย่างที่เคยเห็นเคยเกิดขึ้นอย่างรัฐประหาร ก็อาจจะเกิดขึ้นได้ และดูเหมือนว่าการรัฐประหารจะสำเร็จ เพราะองคาพยพต่างก็ยอมรับได้ ทำให้ขณะนี้วางใจไม่ได้ในช่วงกำลังสะเด็ดน้ำ ระหว่างการจัดตั้งรัฐบาล อีกทั้งไม่เคยเห็นว่าสิ่งที่เคยบอกเคยพูดจะไม่ทำ จะไม่ยึดอำนาจ แต่กลับทำและแอบทำกันหมด เมื่อยึดอำนาจได้สำเร็จก็ประกาศออกมา ทำให้สถานการณ์ขณะนี้เชื่อไม่ได้ เพราะรัฐประหาร 13 ครั้ง เคยบอกจะไม่ทำ แต่ก็ทำทุกครั้ง จึงไว้ใจสถานการณ์เหล่านี้ไม่ได้

...

แม้มีความพยายามจะทวนกระแสประชาชน แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนได้แสดงเจตจำนงจะเปลี่ยนประเทศ ก็เลือกพรรคก้าวไกลจนได้เสียงเป็นอันดับ 1 หากใครทวนกระแสก็จะเกิดแรงต้านสูงมาก คงได้เห็นการเมืองบนท้องถนน คนจะออกมาไม่ยอมรับการยึดอำนาจของทหารอีกต่อไป และคนจะทำควรวิเคราะห์ให้ดี เพราะไม่ได้ยึดอำนาจกันได้ง่าย

ก้าวไกลก็ออกมาพูดถ้ามีรัฐประหาร จะออกมาถนนให้ยิง เพราะหลังพิงประชาชน จึงอยากให้ทหารทบทวนนานๆ เพราะผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จะไม่เหมือนเดิม ถ้าไม่ยอมรับฉันทามติของประชาชน และในไทยเคยมีทหารรัฐประหาร 1 ครั้ง แล้วไม่สำเร็จ จนถูกประหารชีวิตมาแล้ว อย่าได้คิดทำ”

สัญญาณเงียบ "2 ลุง" น่ากลัว จับตาข่าวลือมาก่อนกาล

เมื่อวิเคราะห์การสื่อสารของ พล.อ.ประยุทธ์ ในช่วงที่ผ่านมา ไม่ค่อยมีอะไร ลับ ลวง พราง แต่จะสื่อสารแบบชั้นเดียว ทำให้อ่านไม่ยาก และการพูดออกมาแบบนี้ว่าขั้นตอนการจัดตั้งรัฐบาล ยังมีอีกหลายขั้นตอน ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้อาจจะสะดุด ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องนิ่งรอดูสถานการณ์ เพราะมีหลายขั้นตอนประกอบด้วยหลายอุปสรรค ไม่ว่าการตัดสิทธิพิธา หรือยุบพรรคก้าวไกล และ กกต.ยังไม่รับรองผลเลือกตั้ง ถ้าพูดแบบนี้เป็นการตั้งใจส่งสัญญาณไปยัง ส.ว.ว่าอย่าโหวตให้พิธา แต่ถ้าประกาศวางมือชัดเจน ก็จะทำให้ ส.ว.มีทิศทางในการตัดสินใจ

...

“เข้าใจว่าตอนนี้มีความพยายามจัดตั้งรัฐบาล และมีการปล่อยข่าวออกมาจะมีการเปลี่ยนขั้วขึ้นมาว่าพลังประชารัฐจะสลายพรรคแล้วรวมกับเพื่อไทย หากเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องจริง คิดว่าพวกพลังประชารัฐ ก็คงออกมาชี้หน้าด่าแล้วเป็นธรรมชาติของนักการเมือง แต่ตอนนี้ไม่มีใครหือ ใครอืออะไร หรือข่าวลือมาก่อนกาลจะเป็นความจริง เพราะถ้าอะไรไม่จริง ต้องออกมาปฏิเสธ อย่างน้อยก็ใครสักคนในพรรค หรือต้องออกมาแถลง”

ห้วงเวลานี้ไม่ใช่ "ลุงตู่" เงียบเพียงคนเดียว แต่ "ลุงป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็เงียบไปด้วยเช่นกัน ซึ่งน่ากลัว ถือว่าทั้ง 2 ยังไม่วางมือทางการเมือง ส่วนจะไปจับมือกับพรรคใดสามารถจับได้อยู่แล้ว แต่จะเป็นในลักษณะใดคาดเดายาก เพราะเสียงของพรรคพลังประชารัฐและรวมไทยสร้างชาติ รวมกันได้ 70 กว่าที่นั่ง จะเคลื่อนไหวอย่างเอิกเกริกคงไม่ได้ จะต้องนิ่ง และรอดูสถานการณ์เท่านั้นในขณะนี้.