ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 5 ก.ค.60 ปิดที่ 1,575.02 จุด เพิ่มขึ้น 0.91 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 34,001.62 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 32.42 ล้านบาท

หุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุด BANPU ปิด 15.90 บาท ลบ 0.50 บาท, AOT ปิด 47.25 บาท บวก 0.75 บาท, TISCO ปิด 72 บาท ลบ 3 บาท, BDMS ปิด 20.10 บาท บวก 0.20 บาท และ KTC ปิด 105 บาท ลบ 2. บาท

หุ้นไทยรีบาวน์ทางเทคนิคได้เพียงเล็กน้อย ยังไม่สามารถทำจุดกลับตัวหรือยืนเหนือระดับ 1,578 จุด ได้ โดนตลาดยังขาดโมเมนตั้มหรือ ปัจจัยบวกที่จะช่วยหนุน โดยตลาดยังคงเปราะบาง ขณะที่การประกาศคงอัตราดอกเบี้ย นโยบายของ กนง.เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ไม่ได้มีผลต่อการเคลื่อนไหวของตลาด

บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) มองแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 2 ที่จะเริ่มทยอยออกมาในสัปดาห์หน้า เริ่มด้วยหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ประเมินว่าภาพรวมมีแนวโน้มอ่อนตัวจากไตรมาส 1 ส่วนกลุ่มพลังงานที่จะทยอยแจ้งเป็นกลุ่มถัดไปก็มีแนวโน้มอ่อนตัวเช่นกัน

เมื่อหุ้นทั้ง 2 กลุ่ม ซึ่งเป็นหุ้นกลุ่มหลักที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้ จึงส่งผลให้ทิศทางตลาดในภาพรวมยังไร้แรงส่งที่จะผลักดันให้เดินหน้าปรับตัวขึ้นได้ และจะส่งผลต่อ EPS เฉลี่ยของตลาดปีนี้ อาจต้องถกปรับประมาณการลงจากเดิมที่คาดไว้ 7% จึงต้องลุ้นว่าของจริงที่จะออกมา จะดีกว่าหรือน้อยกว่าคาดไว้เพียงใด

ประเมินทิศทางตลาดระยะสั้น คาดหุ้นไทยมีโอกาสแกว่งตัวลงได้ต่อ แต่ไม่ลงลึก เนื่องจากตลาดยังไร้ปัจจัยบวก โดยปัจจัยที่เข้ามากระทบคือ งบการเงินไตรมาส 2 ของบริษัทจดทะเบียนที่จะออกมา

ส่วนแรงกดดันปัญหาการเมืองความขัดแย้งบนคาบสมุทรเกาหลี แม้ไม่ส่งผลกระทบต่อไทยโดยตรง แต่ส่งผล Sentiment เชิงลบต่อจิตวิทยาการลงทุนได้

แนะกลยุทธ์การลงทุน แนะควรถือเงินสดเพิ่มขึ้น 50% ของพอร์ต แต่หากจะเก็งกำไรระยะสั้น ต้องจำกัดวงเงินในการเก็งกำไร เน้นเลือกหุ้นขนาดกลางและเล็กที่มีข่าวหรือประเด็นเข้ามาหนุนเฉพาะตัว

...

รวมทั้งหุ้นที่มีโอกาสจ่ายเงินปันผลในอัตราสูง ชอบ JASIF-ADVANC-INTUCH-GPSC-BPP

ด้านเทคนิคระยะสั้นให้แนวรับไว้ที่ 1,567 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,578-1,590 จุด.

อินเด็กซ์ 51