วันเสาร์สบายๆ วันนี้ไปคุยเรื่อง “เทคโนโลยีอนาคต” กันดีกว่านะครับ วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ผมไปร่วมงานแถลงข่าว งานมหกรรมการเงิน Money Expo 2017 ที่จัดภายใต้แนวคิด Financial Innovation 4.0 หรือ นวัตกรรมการเงิน 4.0 วันที่ 11-14 พฤษภาคมนี้ ที่เมืองทองธานี มีผู้บริหารระดับสูงของธนาคารไปร่วมแถลงข่าวจำนวนมาก และจะมีการนำเทคโนโลยีการเงินยุคใหม่ไปแสดงและเปิดตัวในงานนี้มากมาย
นอกจาก สินเชื่อดอกเบี้ย 0% บริการทางการเงินการลงทุนครบวงจรแล้ว สิ่งที่ คนไทยจะได้เห็นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ก็คือ “สังคมไร้เงินสด” หรือ Cashless Society ที่จะมีการ “จำลองขึ้นใช้จริง” เฉพาะใน งานมหกรรมการเงิน Money Expo 2017 เท่านั้น
เช่น แอพพลิเคชั่นใหม่ของธนาคารไทยพาณิชย์ SCB Money Expo App จะให้ดาวน์โหลดในงาน เพื่อเข้าสู่โลกอนาคตที่ไร้เงินสด ให้สัมผัสกับประสบการณ์จริง และ SCB Money Expo Chat Board ให้ผู้เข้าชมงานใช้คุยกันในงาน หรือ Digital Commute ของธนาคารกสิกรไทยที่เป็น “สังคมไร้เงินสด” เช่นเดียวกัน สามารถลงทะเบียนในงานเพื่อใช้จริง และ Digital Activity การสะสมดิจิทัลพอยต์ ไปจนถึง Mobile Application ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ที่นำการเงินการลงทุนเกือบทุกชนิดเข้าไปอยู่ในโทรศัพท์มือถือ และจะมีการเปิดแอพใหม่ในงานด้วย ต้องบอกว่าสนุกจริงๆ งาน Money Expo ปีนี้
ความจริงวันนี้ผมอยากจะเล่าถึง เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในอนาคต ที่ มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้ง เฟซบุ๊ก เพิ่งประกาศไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อแทนที่ สมาร์ทโฟน และ โทรทัศน์ แต่เห็น เทคโนโลยีการเงิน หรือ Fintech ที่กำลังจะเกิดขึ้นใน งานมหกรรมการเงิน Money Expo 2017 เดือนหน้า ก็อดนำมาเล่าสู่กันฟังไม่ได้
...
ในงานสัมมนา F8 Conference สัปดาห์ที่แล้ว มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ได้ประกาศถึงความทะเยอทะยานของเฟซบุ๊กในแผนพัฒนา 10 ปีข้างหน้าว่า เฟซบุ๊กจะใช้เทคโนโลยี Augmented Reality หรือ AR ซึ่งเป็น เทคโนโลยีเสมือนจริง มาวางทับลงไปใน โลกแห่งความเป็นจริง เพื่อให้สามารถทำงานได้ และเฟซบุ๊กจะใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบัน เช่น Artificial Intelligence หรือ ปัญญาประดิษฐ์ การเชื่อมต่อของอินเตอร์เน็ต ที่มีอยู่ทุกหนทุนแห่งในโลก สภาวะเสมือนจริง และ เทคโนโลยีเสมือนจริง มาพัฒนาให้เป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจเฟซบุ๊กในอีกสิบปีข้างหน้า
เฟซบุ๊กจะพัฒนา Augmented Reality App ที่เชื่อมต่อกับกล้องในเฟซบุ๊ก เพื่อเปิดประตูเฟซบุ๊กไปสู่อีกอาณาจักรหนึ่งเหมือนกับ “เกมโปเกมอนโก”
มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก กล่าวว่า เทคโนโลยีเสมือนจริงของเฟซบุ๊ก เทียบได้กับ การใส่แว่นตาธรรมดาอันหนึ่ง แต่สามารถมองเห็นภาพในโทรทัศน์ที่ใหญ่เท่าห้องนั่งเล่น ใหญ่กว่าโทรทัศน์ขนาดใหญ่ที่สุดที่มี โดยไม่จำเป็นต้องไปซื้อโทรทัศน์จริง แค่ซื้อ app TV ในราคา 1 เหรียญ 35 บาท ก็สามารถชมทีวีขนาดใหญ่บนฝาผนังห้องได้แล้ว
แต่ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก บอกว่า สิ่งที่เขาคิด ไม่ใช่แค่โทรทัศน์ ปรัชญานี้สามารถขยายไปยัง สมาร์ทโฟน สมาร์ทวอตช์ แท็บเล็ต ฟิตเนสแทรกเกอร์ และทุกสิ่งทุกอย่างที่มีจอ แม้แต่ฝาผนังที่ว่างเปล่า เพียงแค่นำ เฟซบุ๊ก คาเมร่า แอพ ไปโบกผ่าน ฝาผนังที่ว่างเปล่าก็จะบังเกิดเป็นจิตรกรรมฝาผนังขึ้นมาทันที
ฟัง มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก บรรยายถึง เทคโนโลยีใหม่ AR แล้ว ผมก็นึกถึงเทคโนโลยีอนาคตที่ผมเคยไปดูมาหลายแห่ง เคยเล่าสู่กันฟังในคอลัมน์นี้มาแล้ว
เมื่อ เทคโนโลยีเสมือนจริงซ้อนจริงของเฟซบุ๊ก ผลิตออกขายเมื่อไหร่ ผมเชื่อว่าคนที่ชอบมากที่สุดคือ “ผู้หญิง” และ “แม่บ้าน” จะแต่งหน้าแต่งตัวให้เข้ากับหน้าตาและรูปร่าง เทคโนโลยี AR ก็ช่วยได้ คิดเมนูอาหารไม่ออก ทำอาหารไม่เป็น เทคโนโลยี AR ก็ช่วยได้ แค่มองไปที่ผนังห้องครัว เมนูอาหารสารพัดชนิดพร้อมวิธีทำก็โผล่ขึ้นมาทันที ชีวิตในบ้านและนอกบ้านจะเปลี่ยนไปเยอะเลยทีเดียว ในอนาคต สมาร์ทโฟน และ ทีวี จะถูกแทนที่ด้วย AR บริษัทผลิตสมาร์ทโฟนและโทรทัศน์ก็ต้องล้มหายตายจากไป จาก “เทคโนโลยีเสมือนจริงซ้อนจริง” ที่เข้ามาแทนที่ โลกอนาคตไม่รู้อยู่ง่ายหรืออยู่ยาก คิดแล้วงงจริงๆ.
“ลม เปลี่ยนทิศ”