มีข่าวว่าวันนี้ ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีคลัง มีนัดกับ คุณไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เพื่อหารือการจัดตั้ง กองทุนหุ้นระยะยาวรูปแบบใหม่ ทดแทน กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่กำลังจะหมดสิทธิลดหย่อนภาษีสิ้นปี 2562 เพื่อส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่วัยทำงานมีการออมระยะยาวมากขึ้น และช่วยสร้างเสถียรภาพตลาดหุ้นไทยในระยะยาวด้วย เพราะมีเงินลงทุนระยะยาวมากขึ้น
ผมก็หวังว่ารัฐบาลจะพิจารณา ยึดโยงประโยชน์ของประชาชนในอนาคต และ ประโยชน์ของประเทศชาติในอนาคต ซึ่ง ประเทศไทย ก้าวสู่ ประเทศผู้สูงวัย เต็มตัวแล้ว
ข้อถกเถียงที่ยังไม่ลงตัวก็คือ กระทรวงการคลังจะให้ “กองทุนรูปแบบใหม่” มีการออมในระยะยาว 10-15 ปี (LTF มีการออม 7 ปี) ผู้ออมจะถอนเงินลงทุนได้เมื่อมีอายุ 55 ปี (เหมือนกองทุน RMF) และ ให้รวมวงเงินลงทุนใน “กองทุนใหม่” กับ RMF เพื่อหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกินปีละ 500,000 บาท จากเดิมกองทุนละ 500,000 รวม 1 ล้านบาท เท่ากับลดสิทธิการลดหย่อนภาษีไป 50% และไม่บังคับให้ลงทุนในกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน 50% กองทุนในหุ้นยั่งยืน 50% เหมือนที่คุยกันไว้แต่เดิม
ข้อเสนอใหม่ของกระทรวงการคลัง คุณไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ไม่เห็นด้วย การนำวงเงินลงทุนในกองทุนใหม่กับ RMF มารวมกัน ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 500,000 บาทต่อปี ทำให้ไม่มีการขยายฐานเพดานการลงทุน เพราะสองกองทุนนี้มีวัตถุประสงค์การออมที่แตกต่างกัน
กองทุนใหม่ที่มาทดแทน กองทุน LTF ควรเป็น กองทุนที่มีวัตถุประสงค์การออมระยะยาวในตลาดหุ้นเช่นเดียวกัน เพื่อสร้างวัฒนธรรมการลงทุนระยะยาวในตลาดหุ้น จึงจำเป็นต้องใช้แรงจูงใจทางภาษีเข้ามาช่วย ส่วน กองทุน RMF เน้นการออมเพื่อเกษียณอายุ เพื่อตอบโจทย์สังคมสูงวัยของประเทศไทย
...
ผมเห็นด้วยกับ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย ว่า กองทุนใหม่แทน LTF ควรเป็นกองทุนที่ส่งเสริมการออมของคนวัยทำงาน จูงใจด้วยการลดหย่อนภาษี ที่สำคัญรัฐจะได้เม็ดเงินใหม่ในตลาดทุนมากขึ้น การมีเงื่อนไขให้ลงทุนในกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน 50% และกองทุนในหุ้นยั่งยืน (SEF) 50% ผมคิดว่าไม่ใช่ปัญหา ประเด็นสำคัญที่รัฐและเอกชนควรร่วมกันทำให้เกิดขึ้นก็คือ สร้างกองทุนการออมระยะยาวที่ให้ผลตอบแทนดีแก่ประชาชน เพราะ ข้อมูลรัฐทุกหน่วยงาน ระบุตรงกันว่า คนไทยแก่ก่อนรวย เพราะ มีเงินออมน้อย ไม่พอใช้หลังเกษียณ ทำให้มีความทุกข์ยากในชีวิต จากสภาพ แก่–จน–เจ็บ
ผมคิดว่าโอกาสนี้เป็น โอกาสทองของรัฐบาล ที่จะ สร้างกองทุนใหม่ที่ส่งเสริมให้คนวัยทำงานออมเงินด้วยการลงทุนมากขึ้น ไม่ว่าจะลงทุนในหุ้นโดยตรง หรือลงทุนผ่านกองทุน ล้วนทำกำไรได้มากกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก (ที่กำลังขาลง) เมื่อคนรุ่นใหม่มีการออมเงินด้วยการลงทุนระยะยาวมากขึ้น ก็ช่วยลดภาระรัฐบาลในอนาคตมากขึ้น ปีหน้า 2563 ประเทศไทย จะก้าวสู่ ประเทศคนแก่ หรือ ประเทศคนสูงวัย เต็มตัวแล้ว เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องคิดล่วงหน้า จะแก้ปัญหา “แก่ก่อนรวย” ในอนาคตอย่างไร
ส่วนคนที่ลงทุนใน กองทุน LTF–RMF อยู่แล้ว ช่วงนี้ก็เป็นโอกาสทองในการลงทุน LTF–RMF เช่นเดียวกัน เพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 1 ล้านบาท มีโอกาสซื้อกองทุน LTF ได้จนถึงสิ้นปี 2562 เท่านั้น พลาดแล้วพลาดเลย ต้องรอกองทุนใหม่อย่างเดียว
วันก่อน ยูบีเอส โกลบอล เวลธ์ ได้เผยแพร่ผลสำรวจ การลงทุนของคนในเอเชีย พบว่านักลงทุนเอเชียมองหากลยุทธ์การลงทุน เพื่อรับความผันผวนมากขึ้น โดย 64% กำลังพิจารณาซื้อหุ้นคุณภาพสูง 62% จะเพิ่มการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ 60% วางแผนถือเงินสด และ 60% มีมุมมองเชิงบวกในผลตอบแทนการลงทุน 10 ปีข้างหน้า 2563-2572 และ 88% มีแนวโน้มจะปรับพอร์ตการลงทุน ตามแรงผลักดันของเศรษฐกิจโลก
ผมคิดว่า รัฐบาลควรให้ “เบ็ดตกปลา” แถม “เหยื่อ” ให้อีกนิดหน่อยแก่ประชาชน รับรองว่า จะได้ปลาตัวโตในอนาคต แน่นอน รัฐบาลจะรวย ประชาชนต้องรวยก่อนครับ.
“ลม เปลี่ยนทิศ”