ขณะที่ผมนั่งเขียนต้นฉบับวันนี้มีรายงานข่าวว่า หุ้นที่สหรัฐอเมริการ่วงอย่างหนักมา 2 วันติดต่อกันแล้ว เพราะความกังวลใจต่อภาวะวิกฤติทางการเงินของตุรกีที่ส่อเค้ามานานพอสมควรและเริ่มมีอาการที่น่าเป็นห่วงขึ้นเรื่อยๆ
เฉพาะสัปดาห์ที่ผ่านมาค่าเงิน “ลีรา” ของตุรกีลดไปเกือบ 20 เปอร์เซ็นต์ และถ้านับย้อนไปถึงต้นปีจะลดไปแล้วถึง 40 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับค่าเงินเหรียญสหรัฐฯ
ถ้าจะถามว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ค่าเงินลีราทรุดลงเรื่อยๆ คำตอบก็หนีไม่พ้นสาเหตุเดิมๆที่เคยเกิดขึ้นกับประเทศต่างๆที่เผชิญปัญหาในเรื่องนี้ในอดีตนั่นแหละ
เริ่มจากการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดจากการใช้จ่ายเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ ค่อนข้างเยอะของรัฐบาลตุรกี จนมีผลกระทบโดยตรงต่อสถานการณ์การคลังและอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งกระฉูดมาอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดก็เจอผลกระทบจากสงครามการค้าเมื่อสหรัฐอเมริกาโดยประธานาธิบดีทรัมป์ สั่งให้เพิ่มอัตราภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมที่นำเข้าจากตุรกีขึ้นอีก 2 เท่าจากอัตราเดิมส่งผลให้นักลงทุนผวา เทขายเงินลีราออกมาเป็นระลอกๆ
เป็นธรรมดาครับ เมื่อค่าเงินของประเทศใดเริ่มมีปัญหาก็จะมีการฉวยโอกาสเข้าโจมตีเพื่อหวังผลกำไร ทำให้สถานการณ์หนักลงไปอีก
ท่านประธานาธิบดี “เรเจป ไตยิป แอร์โดอัน” ของตุรกีนั้น ปกติก็ไม่เป็นที่ชอบพอของสื่อตะวันตกอยู่แล้ว เพราะมองว่าท่านเป็นประธานาธิบดีแบบเผด็จการ แม้จะได้ตำแหน่งมาจากการเลือกตั้งก็ตาม จึงโดนวิพากษ์วิจารณ์มาตลอด
มาถึงช่วงเวลานี้ยิ่งโดนรุมกระหน่ำขึ้นอีกหลายเท่า และน่าจะกล่าวได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่หนักที่สุดของท่าน เพราะปัญหาเรื่องการเงินเป็นปัญหาที่ใหญ่และยากที่จะป้องกันเมื่อเกิดวิกฤติเรื่องค่าเงิน
ทุกครั้งที่มีวิกฤติเรื่องค่าเงินหรือการเงินในรูปแบบต่างๆ สื่อก็มักจะตั้งชื่อไปตามอาหารที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศนั้นๆ เช่น ตอนที่ของเรา เจอวิกฤติปี 2540 ก็เรียกว่า “วิกฤติต้มยำกุ้ง”
...
พอระบาดไปถึงเกาหลีใต้ทำให้เกาหลีซวดเซ สื่อก็เรียกว่า “วิกฤติกิมจิ” และที่สหรัฐอเมริกา เมื่อ พ.ศ.2550 เกิดวิกฤติสินเชื่อด้อยคุณภาพ นำไปสู่การล้มของสถาบันการเงินและการถดถอยทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ก็เรียกกันว่า “วิกฤตการณ์แฮมเบอร์เกอร์”
ตุรกีมีอาหารหลักประจำชาติที่ขึ้นชื่อลือชาอยู่อย่างหนึ่ง เรียกกันว่า “เคบับ” หรือ “Kebub” ในภาษาอังกฤษ เป็นเนื้อย่างแท่งโตๆที่เขาเอามาย่างแล้วตั้งไว้ ค่อยๆลอกออกมาเป็นแผ่นๆ ใช้แป้งแผ่นกลมๆห่ออีกชั้นหนึ่ง หรือบางครั้งก็เอาแป้งทำเป็นรูปกรวยใส่เนื้อย่างพร้อมรับประทาน
ผมก็เดาว่าหากเกิดวิกฤติค่าเงินถึงขั้นเอาไม่อยู่ในตุรกี สื่อมวลชนต่างๆน่าจะเรียกว่า “โรคเคบับ” หรือ “วิกฤติเคบับ” แบบเดียวกับที่เคยเรียกของเราว่า วิกฤติต้มยำกุ้ง และของสหรัฐฯว่า วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ ในอดีตนั่นเอง
ที่สำคัญโรคการเงินเป็นโรคติดต่อครับ เมื่อเกิดขึ้นที่หนึ่งก็จะแผ่ไปประเทศใกล้เคียง และค่อยๆแผ่ไกลออกไปเรื่อยๆ
โดยเฉพาะที่อยู่ใกล้สุดกับตุรกี คือกลุ่มยุโรปน่าจะเจอก่อนคนอื่นๆ
เป็นที่มาของความร้อนอกร้อนใจของนักเศรษฐศาสตร์ทั่วโลกอยู่ในขณะนี้ และหันไปติดตามเหตุการณ์ที่ตุรกีอย่างใกล้ชิด
บ้านเราแม้จะดูเหมือนอยู่ไกล แต่โลกทุกวันนี้ไม่ว่าไกลแค่ไหนก็ดูเหมือนใกล้ไปหมด เพราะมีการติดต่อเชื่อมโยงถึงกันได้ง่ายๆสารพัดรูปแบบ
ความน่าห่วงของวิกฤติครั้งนี้เพิ่มขึ้นกว่าคราวก่อน เพราะมีสาเหตุด้าน “สงครามการค้า” เข้ามาเป็นตัวแปรด้วย ซึ่งครั้งก่อนๆไม่มี
ผมก็ขอเอาใจช่วยท่านประธานาธิบดี เรเจป ไตยิป แอร์โดอัน ให้ท่านแก้ปัญหาได้สำเร็จนะครับ จะได้ไม่เกิดโรคระบาดไปประเทศอื่นๆ
ขณะเดียวกัน ก็หวังว่าท่านผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยและทีมงานของท่านคงจะติดตามสถานการณ์ทั้งหมดนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมตัวรับสถานการณ์เอาไว้ด้วย
อย่าให้ “วิกฤติเคบับ” ระบาดมาถึงไทยเราก็แล้วกันครับ...“เคบับ” น่ะอร่อยพอกินได้ แต่ “โรควิกฤติเคบับ” คงไม่อร่อยอย่างแน่นอนจริงไหมครับ ท่านผู้ว่าการ ธปท.?
“ซูม”