สรุปดราม่าร้อน หลังเพจอนุรักษ์ธรรมชาติแชร์คลิป นักท่องเที่ยว-ช่างภาพ เดินตามถ่าย "ช้างป่าแม่ด้วน" พร้อมวิจารณ์เปิดการคุกคามช้าง คนในเหตุการณ์โต้มีการรักษาระยะห่างชัดเจน

วันที่ 14 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลายเป็นประเด็นที่ถูกถกเถียงกันในโลกออนไลน์ เมื่อเพจเฟซบุ๊ก ผ้าขาวม้าติ่งป่า ได้แชร์คลิปขณะที่นักท่องเที่ยว และช่างภาพจำนวนหนึ่ง กำลังเดินตามถ่ายรูปช้างป่าในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ช่วงวันที่ 8 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยระบุข้อความว่า แชร์มาเพื่อให้ลูกเพจได้เห็นพฤติกรรมคุกคามช้างป่า

ป้าฝากให้คิดนะคะ ถ้าคุณเป็นช้างที่ใช้ชีวิตปกติในบ้านตัวเองไม่ได้ เพราะถูกคนโลกสวยแต่พฤติกรรมทรามคอยคุกคามตลอดเวลา...จะรู้สึกอย่างไร ปล.ไม่ใช่แค่ข้างหลัง ลงจากรถวิ่งไล่นะ ข้างหน้าก็ไม่ถอย ลงจากรถดักหน้าเช่นกัน เห็นหลายคลิปเลย

ซึ่งหลังจากคลิปดังกล่าว ถูกเผยแพร่ออกไป หลายคนต่างก็เข้าไปแสดงความคิดเห็น และวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก ซึ่งก็มีทั้งคนที่เห็นด้วยกับทางเพจ และไม่เห็นด้วย

...

ต่อมาผู้ใช้เฟซรายหนึ่ง ก็ได้โพสต์ภาพและข้อความระบุว่า หลังจากที่ดิฉันเห็นเพจดัง นำคลิปสั้นมาลง และติดโพสต์ว่าช่างภาพคุกคามช้าง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 8/10/66 ณ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ดิฉันอยากให้ฟังความเห็นทั้ง 2 ฝ่าย หรือฟังผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์จริง

วันนั้นในระหว่างดิฉันเห็นช่างภาพ และนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่ง นั่งอยู่บริเวณ กม.35 สักพักช้างแม่ลูก และช้างพี่เลี้ยงได้เดินออกมาจากข้างป่าอย่างกะทันหัน สถานการณ์ตอนนั้น ชุลมุนด้วยรถจำนวนมาก ที่สัญจรไปมา

ตอนนั้นฉันได้ยินช่างภาพบอกนักท่องเที่ยว ที่อยู่บริเวณนั้นว่า เป็นช้างแม่ลูกอ่อนให้ระวัง เพราะเขาหวงลูกเล็ก พวกช่างภาพคอยบอกนักท่องเที่ยว ให้รักษาระยะห่างให้มากที่สุด ในระหว่างรอเจ้าหน้าที่อุทยานฯ มาดูแลความปลอดภัย

ดิฉันก็เห็นว่าหลายคน ช่วยกันรถไม่ให้ขับแซงช้างขึ้นไป และให้รักษาระยะห่าง ได้ยินบางคนพูดว่า อย่ากดดันช้าง ให้เดินระนาบเดียวกัน เพื่อความเป็นระเบียบ

ในวันนั้น ดิฉันเห็นว่ามีช่างภาพ มีทั้งด้านหน้า และด้านหลังช้าง ซึ่งระยะห่าง วัดจากความจริงประมาณ 70 เมตรขึ้นไป หรือ 5 เส้นเหลือง มากกว่าเกณฑ์ของอุทยานฯ ซึ่งกำหนดระยะปลอดภัยไว้เพียง 30 เมตร (ข้อมูลนี้ได้มาจากเจ้าหน้าที่ชุดผลักดันช้าง)

ในฐานะที่ดิฉันเป็นนักท่องเที่ยว ที่ชื่นชอบธรรมชาติของป่าเขาใหญ่ ได้เจอช้าง และช่างภาพ หลายต่อหลายครั้ง ดิฉันจึงอยากให้ฟังความทั้งสองข้าง อย่าโจมตีใครคนใดคนหนึ่งเลย ถ้าท่านไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ ภาพเดียวคลิปเดียว ไม่อาจตัดสินใครคนใดคนหนึ่งได้ เพราะภาพผ่านเลนส์ กับผ่านดวงตาแตกต่างกันมาก อยากให้ดูจากองค์ประกอบที่แนบมา ว่าขนาดของคน ขนาดของตัวช้าง เล็กต่างกันแค่ไหน

ภาพที่ 1 เป็นภาพมุมกว้างที่เห็นบรรยากาศโดยรวม

ภาพที่ 2 ในวงกลม จะเป็นช่างภาพท่านหนึ่ง ได้ถ่ายย้อนมาทางฝั่งด้านหลังที่ดิฉันอยู่ และน่าจะทำให้เกิดคลิปที่เป็นการโจมตีช่างภาพอย่างรุนแรงในขณะนี้ และคลิปฝั่งตรงข้ามจากคลิปต้นเรื่อง

ดิฉันอยากฝากถึงเพจที่นำบทความไปลง และบิดเบือนผิดไปจากความจริงอย่างมาก การกระทำของท่านในครั้งนี้ก่อให้ความเสียหายแก่ผู้อื่นอย่างมาก ท่านควรตรวจสอบหาความจริง ก่อนนำไปเผยแพร่

ต่อมาทางเพจ ผ้าขาวม้าติ่งป่า ได้แชร์โพสต์จากเฟซบุ๊กนักท่องเที่ยวดังกล่าว พร้อมกับอธิบายว่า ลืมประเด็นสำคัญค่ะ ช่างภาพมืออาชีพ ช่างภาพสัตว์ป่า นักท่องเที่ยวสายอนุรักษ์ บริษัททัวร์เน้นคุณภาพ นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เคารพกฎ กติกา และรักษามารยาทมีเยอะนะคะ และรู้สึกแย่กับพฤติกรรมนึ้เช่นกันค่ะ

ขอบคุณคุณวนิดา ที่พยายามปรับบรรยากาศและพูดถึงบริบทต่างๆ "ก่อนเกิดเหตุการณ์ วิ่งไล่ถ่ายภาพสัตว์ป่า" ค่ะ ตามคลิปที่คุณวนิดาโพสต์อยากให้เข้าไปชมและฟังกันนะคะ

รู้สึกดีที่ได้ยินว่า "ข้างบน ช้าๆ ช้าช้า อย่าไปกดดันมาก" ในช่วงที่ฟังแล้วยังเป็นการเดินตามในระยะที่ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เพราะไม่ได้ซูมมากขึ้น 

ขอบคุณที่ยังทราบว่าการกระทำนี้เป็นการกดดันสัตว์ป่า ถึงแม้จะคิดกันเองว่ายังไม่มาก แต่ก็ยืนยันได้ว่าทำทั้งๆ ที่รู้ และอยากย้ำกับทุกท่านที่ได้เข้ามาอ่านนะคะ

  1. ระยะห่าง 30 เมตร เดิม จนท.ใช้ 30-50 เมตร ซึ่งหมายถึงระหว่างรถยนต์กับช้าง
  2. มีการกำหนดห้ามจอดรถยนต์เพื่อดูช้าง เพราะจะสร้างความเดือดร้อนอันตรายแก่ผู้อื่น หากเกิดเหตุร้ายขึ้น ทุกคันควรเตรียมพร้อมรับสถานการณ์เพื่อไม่เกิดความเสียหายและสูญเสีย
  3. ไม่จอดรถและเข้าใกล้ช้างโดยเด็ดขาด อันนี้อันตรายอาจไม่เกิดขึ้นกับคนทำแต่ไปสร้างผลกระทบกับคนอื่นที่เขาอยู่ในเหตุการณ์โดยที่ไม่ได้คุกคามสัตว์ป่าด้วยเลย...บาปทั้งกับสัตว์ป่าและเพื่อนมนุษย์

ย้ำกันอีกทีค่ะ ไปเยี่ยมชมสัตว์ป่าในบ้านของเขา ควรมีมารยาทและความเกรงใจนะคะ ถ้าอยากถ่ายภาพช้างอย่างใกล้ชิด ปลอดภัย ไม่สร้างปัญหาและอันตรายกับคนและสัตว์ป่า...ลองใช้เลนส์ซุปเปอร์เทเลให้เกิดประโยชน์ค่ะ หรือเชิญที่ปางช้างค่ะ มีให้ชมหลายแห่งเลยนะคะ 

ปล.นี่พยายามตอบให้อย่างเบาที่สุดแล้วนะคะเนี่ย ช่วยฉุกคิดกันนิดนึง ไม่ยากค่ะ และเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องจากโพสต์ของคุณวนิดาก็ตามที่เราได้แชร์มาจากคลิป Reel นั่นแหละค่ะ แปะกราฟฟิกเกี่ยวกับข้อควรปฏิบัติจากกรมอุทยานฯ ให้ในเมนต์นะคะ สุดท้ายค่ะ ขอเป็นเพจ ผ้าขาวม้าติ่งป่า เหมือนเดิมนะคะ ไม่อยากดังค่ะ


อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 13 ต.ค. ที่ผ่านมา ทางเพจ ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ก็ได้แชร์ข้อปฏิบัติเมื่อพบช้าง โดยระบุว่า ช่วงนี้พี่ช้างได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก การพบเจอสัตว์ป่าเป็นเรื่องที่เราไม่ได้มีโอกาสพบเจอบ่อยๆ แต่สำหรับการมาศึกษาธรรมชาติในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ กรมอุทยานแห่งชาติฯ ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวมาเป็นอันดับแรกเสมอ

ทุกครั้งที่พบเจอสัตว์ป่า โดยเฉพาะช้างป่า ขอฝากข้อควรปฏิบัติ เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว "ท่องเที่ยวให้สุขใจ ความปลอดภัยต้องมาก่อน" ด้วยความห่วงใย ในความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว จากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โดยมี 10 ข้อแนะนำ ดังนี้ หยุดรถให้ห่างจากช้างอย่างน้อย 30 เมตร และถอยรถรักษาระยะ เมื่อช้างเข้าใกล้

  1. หยุดรถให้ห่างจากช้างอย่างน้อย 30 เมตร และถอยรถรักษาระยะ เมื่อช้างเข้าใกล้
  2. งดการใช้แฟลชถ่ายรูป
  3. อย่าใช้แตรรถ หรือส่งเสียงดังรบกวน
  4. ไม่จอดรถดูช้าง
  5. หากตกอยู่ในวงล้อมของช้าง ให้เคลื่อนรถไปในทางที่มีช้างอยู่น้อย
  6. เมื่อรถคันหน้าถอยหลัง รถคันถัดไปควรเคลื่อนตาม เพื่ออำนวยความสะดวกในสถานการณ์ฉุกเฉิน
  7. ไม่จอดรถและเข้าใกล้ช้างโดยเด็ดขาด
  8. ไม่ควรจอดรถดูช้าง เพราะอาจมีรถคันอื่นตามมา แล้วรถของคุณกีดขวางรถผู้อื่น จนเป็นเหตุให้ถูกทำร้ายแทนรถ
  9. เมื่อพบช้างในเวลากลางคืนให้เปิดไฟไว้เสมอ ห้ามกระพริบไฟ
  10. ติดเครื่องยนต์ไว้เสมอ

ขอบคุณข้อมูลจากเฟซบุ๊ก ผ้าขาวม้าติ่งป่า, ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช