เพื่อไทยตั้งการ์ดสู้คดียุบพรรค “สรวงศ์” ลั่นมีข้อมูลหลักฐานเพียงพอหักล้างข้อกล่าวหาครอบงำ โวยหน่วยงานรับคำร้องประเด็นการเมือง ตระหนักถึงความเสียหายทุบความเชื่อมั่นนักลงทุนหายวับ โอดคดีประดังเข้าใส่เหตุ พปชร.ถอนแค้นถูกเขี่ยพ้นรัฐบาล “อนุสรณ์” โอ่ไม่วิตก ไม่ทำให้เสียสมาธิลุยงาน “เรืองไกร” ราวีไม่หยุดร้อง กกต.สอบ “นายกฯอิ๊งค์” ยอมให้พ่อควบคุม ครอบงำ ชี้นำ ชงตั้งแท่นยุบทิ้ง พท. 24 ต.ค. สภาฯนัดชี้ชะตารายงานนิรโทษกรรม “ทนายแจม” ปลุก สส.อย่าเซ็นเซอร์ตัวเอง ช่วยกันผ่านกฎหมายนิรโทษกรรมคดีการเมืองให้ประชาชน วัดใจ พท.กล่อมพรรคร่วมฯเอาด้วย

พรรคเพื่อไทย (พท.) ย้ำไม่กังวลกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับคำร้องยุบพรรค พท. จากกรณียินยอมให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายก รัฐมนตรี ครอบงำพรรค โดยนายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะ รมว.เลขาธิการพรรค พท. ยืนยันพรรคมีข้อมูลหลักฐานเพียงพอในการต่อสู้คดี

พท.เตรียมหลักฐานสู้คดียุบพรรค

เมื่อวันที่ 20 ต.ค.นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับคำร้องยุบพรรคเพื่อไทย กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ครอบงำพรรคว่า หากมีเรื่องร้องเรียน เรามีหน้าที่แก้ข้อกล่าวหา ส่วนวิธีการต่อสู้ข้อกล่าวหาพรรคมีข้อมูลหลักฐานเพียงพอต่อสู้ประเด็นนี้ ในฐานะประชาชนอยากให้หน่วยงานต่างๆคำนึงถึงความเสียหาย ที่จะเกิดขึ้นกับประเทศ ทุกครั้งที่ร้องเรียนและมีหน่วยงานที่รับผิดชอบรับมาเป็นประเด็น ความเชื่อมั่นนักลงทุนจะหายไปทันที เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ เพราะคนร้องเป็นคนเดียวกับที่ยื่นยุบพรรคก้าวไกลมาก่อน นายสรวงศ์กล่าวว่า ต่างคนต่างทำหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นใคร เคยร้องใครมา ประชาชนมองออกว่ามีเจตนาอย่างไร

...

เมิน พปชร.ถอนแค้นถูกเขี่ยพ้นรัฐบาล

เมื่อถามว่ามองว่าเป็นเกมการเมืองหลังจากผลักพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ออกจากพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายสรวงศ์กล่าวว่า ชัดเจนอยู่แล้ว ทุกอย่างประดังเข้ามาหลังจากที่ประกาศไม่ร่วมงานกับพรรคการเมืองนี้ ส่วนการทานข้าวกับพรรคร่วมรัฐบาล ในวันที่ 21 ต.ค.ถือเป็นปกติในการทานข้าวกับพรรคร่วมรัฐบาลที่เคยปฏิบัติมา แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของการทานข้าวร่วมกัน หลังจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เชื่อว่าการพูดคุยคงไม่มีอะไรที่เป็นข้อขัดแย้ง

ยันไม่วิตก ไม่ทำให้เสียสมาธิ

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท.กล่าวว่า กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับคำร้องยุบพรรคเพื่อไทย กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯครอบงำพรรคว่า เป็นการทำหน้าที่ ของ กกต. เมื่อมีผู้มายื่นคำร้องคงต้องรับเรื่องไว้พิจารณา พรรค พท.เคารพสิทธิและการดำเนินการของผู้ร้อง ไม่วิตกกังวล การรับเรื่องและตั้งคณะกรรมการ สอบสวนเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนที่ต้องพิจารณากันอีกมาก ส่วนที่ระบุว่ามีมูล ต้องไปพิสูจน์มีมูลมากน้อยเพียงใด ต้องพิจารณาองค์ประกอบและรายละเอียดต่างๆอย่างละเอียด ดูเหตุผล ความเชื่อมโยงประกอบ คาดว่าใช้เวลาพิจารณาดำเนินการหลายเดือน มั่นใจทีมกฎหมายของพรรค พท.ชี้แจงได้ ไม่กังวลอะไร งานนิติบัญญัติในสภาฯ และงานบริหารของรัฐบาลยังดำเนินการต่อได้ ไม่ติดขัด รัฐบาลพรรค พท.ภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ยังมีสมาธิมุ่งมั่นแก้ปัญหาให้ประเทศและประชาชนต่อไป

ร้อง กกต.สอบนายกฯให้พ่อครอบงำ

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์อีเอ็มเอสถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยินยอมให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มิใช่สมาชิกพรรคเพื่อไทย ควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำ กิจกรรมพรรคเพื่อไทย ทำให้พรรคหรือสมาชิกขาดความอิสระ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 28 เป็นเหตุให้ต้องยื่นศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคเพื่อไทย ตามมาตรา 92 (3) จึงมีเหตุอันควรตรวจสอบ น.ส.แพทองธาร ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย มีการกระทำให้คนนอกแทรกแซงการดำเนินการของพรรคหรือไม่ ส่วนพรรคการเมืองอื่นอีก 6 พรรค ขอให้ กกต.ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

สภาฯเคาะรายงานนิรโทษ 24 ต.ค.

อีกเรื่อง นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) และประธานกรรมการประสาน งานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 24 ต.ค. ที่จะมีการประชุมพิจารณาลงมติรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาพิจารณาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรมว่า โหวตได้อยู่แล้ว แต่จะโหวตไปในทางใด ไม่สามารถบังคับได้ เป็นเอกสิทธิ์ สส. ไม่ทราบว่าแต่ละคนจะโหวตแบบใด หากโหวตเห็นด้วยกับ กมธ.วิสามัญฯ ส่งรายงานต่อให้รัฐบาล ส่วนรัฐบาลจะทำหรือไม่ทำก็ได้ แต่หากโหวตไม่ผ่านก็จบอยู่ที่สภาฯในช่วงเช้าวันที่ 24 ต.ค.จะประชุมพรรคเพื่อไทยที่รัฐสภา เพื่อถามมติ สส.ก่อนว่าจะเห็นด้วยกับรายงานของ กมธ.หรือไม่

“ทนายแจม” ปลุก สส.ผ่าน ก.ม.เพื่อ ปชช.

น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.)โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม (กมธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการประชุมสภาพิจารณารายงานของ กมธ. มีโอกาสผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้ก่อนรัฐบาลครบวาระหรือไม่ว่า ไม่ใช่เรื่องยาก ขนาดพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าถามเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ยังไม่เห็นความเป็นไปได้ที่จับมือร่วมรัฐบาลกัน อิมพอสซิเบิลที่สุดแล้ว แต่เกิดขึ้นแล้ว ฉะนั้นควรทำนิรโทษกรรมคดีการเมืองให้ประชาชนให้ได้เหมือนกัน เชื่อว่า สส.ทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่าบริบทการเมืองแต่ละช่วง ประชาชนต่างหวังดีกับประเทศในช่วงเวลาหนึ่ง แค่หวังดีกับประเทศในมุมมองที่ต่างกัน ทุกคนมีเจตจำนงอยากให้ประเทศดีขึ้น เมื่อมองแบบนี้ สส.ทุกคนไม่ต้องมานั่งคิดด้วยซ้ำว่านิรโทษกรรมต้องรวมหรือไม่รวมคดีอะไร ทำอย่างไรให้ประชาชนทุกคนกลับมาใช้ชีวิตปกติ เป็นประเด็นสำคัญของการนิรโทษกรรม

บทพิสูจน์ พท.กล่อมพรรคร่วมเอาด้วย

เมื่อถามว่า ขณะนี้เหลือแค่พรรค ปชน.และพรรค พท.ที่ต้องการผลักดันนิรโทษกรรมพ่วงคดี 112 ประเมินท่าทีของพรรคเพื่อไทยอย่างไร หลังพรรคร่วมรัฐบาลไม่เอาด้วย น.ส.ศศินันท์ตอบว่า ประเมินไม่ถูก เข้าใจพรรค พท.ที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ตัดสินใจด้วยตัวเอง 100% ไม่ได้ โดยมีการพูดคุยแซวกันเล่นๆในสภาของพรรคการเมืองหนึ่งที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลว่า “ตอนที่พี่ยังไม่ร่วมรัฐบาล ไม่รวมคดี 112 ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ตอนร่วมรัฐบาล เพื่อไทยว่าอย่างไร ก็เอาตามนั้น อยู่ที่เพื่อไทยจะกล้าหรือไม่ เป็นประโยคหนึ่งที่ สส.ท่านหนึ่งในพรรคหนึ่งที่ตอนแรกยังไม่ได้ร่วมรัฐบาล ตอนนี้ร่วมรัฐบาลแล้วได้บอก” ขอให้กำลังใจพรรคเพื่อไทย อยากให้พรรคนี้เข้มแข็ง แสดงให้เห็นถึงความเป็นพรรคแกนนำ ทวงศักดิ์ศรีของพรรคแกนนำ ทำให้เห็นว่าสามารถคุยกับพรรคร่วมได้ ตรงนี้เหมือนเป็นด่านทดสอบหนึ่งที่สำคัญมาก และฝากถึง สส.ทุกคนว่าต้องแสดงสปิริตออกมาช่วยผ่านรายงานขอ กมธ.และผ่าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ทำให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้า

ไม่หวั่นปล่อยผีคดี 112 จุดชนวน รปห.

เมื่อถามว่าถึงวันนี้พรรค พท.ต้องฟังเสียงพรรคร่วม แต่พรรค ปชน. ต้องเดินผลักดันนิรโทษกรรมคดีการเมืองทั้งหมดรวมคดี 112 แต่มีบางฝ่ายดักคอว่านิรโทษกรรมคดี 112 เป็นชนวนเกิดความขัดแย้ง นำไปสู่การรัฐประหารอีกรอบ น.ส.ศศินันท์ตอบว่า สส.รุ่นพี่คนไหนที่ระบุว่า ต้องเกรงใจเดี๋ยวกองทัพไม่เห็นด้วย แต่ สส.ได้รับฉันทามติจากประชาชนเข้ามา ในอดีตเกิดอะไรขึ้นก็ตาม แต่ สส.ไม่ควรเซ็นเซอร์ตัวเองหรือลดทอนศักยภาพ ทำให้บทบาทมันเจือจางไปจากความกลัวในสิ่งที่มันอาจเกิดขึ้นอีก หรืออาจเกิดขึ้นมาแล้ว ไม่เช่นนั้น สส.ไม่สามารถทำอะไรได้ ขยับแทบไม่ได้ ทุกอย่างเป็นกลไกนำไปสู่การรัฐประหารได้ทั้งนั้น อย่าเอาเรื่องนี้มาจำกัดกรอบการทำงานในสภาฯ ทำแบบนี้ดูถูกความเป็น สส.ของตัวเอง ดูถูกเกียรติและศักดิ์ศรีที่ประชาชนเลือกเข้ามา ถ้าทำงานฝ่ายนิติบัญญัติ แล้วไปกลัวอำนาจอื่นแทรกแซง อาทิ อำนาจตุลาการ เราวาดฝันถึงการเมืองที่ให้ดีขึ้นในอนาคตไม่ได้ อยากชวน สส.ทุกคนผ่านรายงานของ กมธ. และทำให้ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเกิดขึ้น เมื่อทำตามกฎหมายจะเกิดอะไรขึ้น อย่างน้อยมีหลังพิงที่ถูกต้อง อีก 10-20-30 ปี มองย้อนกลับมาไม่ต้องอายลูกหลาน

“วันนอร์” ชี้ไฟใต้ลุกถี่อาจโยงปมตากใบ

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ กล่าวถึงสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า มีความกังวลอยากให้พื้นที่ทุกภาคส่วนของประเทศไทยสงบ การใช้กำลังทหาร ตำรวจอย่างเดียวไม่สามารถระงับได้อย่างถาวร การใช้กำลังต่อสู้ควรใช้ยามภัยสงคราม ตอนนี้ไม่ใช่ภัยสงคราม เป็นการก่อเหตุสร้างสถานการณ์บางอย่าง ต้องแก้ไขอย่างเหมาะสม ที่สำคัญต้องแก้เรื่องการข่าวให้เยอะกว่าการใช้ทหารตำรวจ ซึ่งเป็นคนนอกพื้นที่ ไม่ค่อยชำนาญพื้นที่ รีบพูดคุยหาข้อยุติให้ได้โดยเร็ว เมื่อถามว่า คดีตากใบที่เหลือไม่กี่วันจะหมดอายุความ สถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่เกิดขึ้นค่อนข้างถี่ มีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า อาจเชื่อมโยงหรือไม่ก็ได้ ก่อนคดีตากใบจะหมดอายุความเป็นปีๆ สถานการณ์ก็เกิดขึ้นเรื่อยๆ แต่ช่วงนี้เหลือไม่ถึง 10 วัน คดีจะหมดอายุความ ทุกคนอยากให้ผู้เกี่ยวข้องจับกุมผู้มีหมายจับส่งศาลก่อนวันที่ 25 ต.ค. ถ้าจับได้ความคลี่คลายเรื่องความเห็นต่างอาจลดลงได้ อาจเกี่ยวข้องบ้าง แต่ไม่ทั้งหมด เพราะเหตุความไม่สงบเกิดขึ้นก่อนอยู่แล้ว แต่ช่วงนี้ถี่มากขึ้น อาจเพราะประชาชนในพื้นที่อยากแสดงออกให้เจ้าหน้าที่มีความเข้มแข็งจับผู้มีหมายจับ ถ้าตำรวจใช้ความพยายามจริงๆ น่าจะจับได้บ้าง

จี้รัฐสร้างระบบเตือนภัยฉ้อโกง

นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอตั้งคำถามถึงการป้องกันประชาชนจากการถูกหลอกหรือฉ้อโกง เช่น กรณี ดิ ไอคอน กรุ๊ป ดำเนินการลักษณะถูกแจ้งข้อกล่าวหาฉ้อโกงประชาชนได้อย่างไรมาหลายปี จนเสียหายนับพันล้านบาท หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปล่อยรอดหูรอดตาเป็นไฟลามทุ่งนี้ได้อย่างไร ควรมีกลไกภาครัฐที่เฝ้าติดตามแจ้งข้อมูลให้ประชาชนรู้ว่าการประกอบธุรกิจใดเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชนหรือแชร์ลูกโซ่ แต่เนิ่นๆ ต้องขอบคุณรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดำเนินการเรื่องนี้ แม้อาจช้าไป แต่ขอให้ดำเนินการตามกฎหมายตรงไปตรงมา ควรเยียวยาผู้เสียหายให้มากที่สุด ขอเสนอรัฐบาลควรสร้างมาตรการป้องกันเชิงระบบที่ยั่งยืน ให้ผู้เกี่ยวข้องคิดค้นระบบเตือนภัยการฉ้อโกงประชาชนและแชร์ลูกโซ่ล่วงหน้า (ระบบเออร์ลี่วอร์นนิ่ง ) เพื่อตัดไฟตั้งแต่ต้นลม สอดส่องการจดทะเบียนบริษัทต่างๆหลายประเทศก็ทำได้ ถ้ามีระบบเตือนภัยจากการฉ้อโกงประชาชนและแชร์ลูกโซ่ จะช่วยปกป้องผู้บริสุทธิ์ ชื่อเสียงประเทศไทยจะปลอดจากการฉ้อโกงประชาชน และกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ สอดคล้องแนวคิดสร้างไทยให้ปลอดภัยทุกด้าน

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่