ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ตีกตก 2 คำร้องคัดค้านกระบวนการเลือก สว.67 ชี้คำร้อง-เอกสารประกอบคำร้อง ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขที่จะพิจารณาได้ รวมถึงไม่มีข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานที่ชัดเจนเพียงพอ สภาฯคว่ำร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้าฝ่ายค้าน เอาแต่ร่างสุราชุมชน-สุรารวมไทยของฝ่ายรัฐบาล “เสี่ยอ้วน” จ่อตั้ง“ฉัตรชัย” ลูกหม้อขึ้นเลขาฯ สมช. “เด็จพี่-เด็กลุง” ฟัดกันนัว ปม "บิ๊กป้อม" ลาประชุมสภา 90%

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ ไม่รับ 2 คำร้องเกี่ยวกับการเลือก สว. ปี 2567 ไว้พิจารณาวินิจฉัย ชี้คำร้องและเอกสารประกอบคำร้อง ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ไม่มีข้อเท็จจริง หรือพยานหลักฐานที่ชัดเจนเพียงพอ

ศาล รธน.ยก 2 คำร้องล้มเลือก สว.

เมื่อวันที่ 2 ต.ค.ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ไม่รับคำร้องเกี่ยวกับการเลือก สว. ปี 2567 เป็นโมฆะ ไว้พิจารณาวินิจฉัย จำนวน 2 คำร้อง ได้แก่ คำร้องแรก กรณีนายนพดล สุดประเสริฐ ขอให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 ว่า พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.มาตรา 15 วรรคสาม ที่บัญญัติว่า ผู้สมัครมีสิทธิสมัครในกลุ่มตามมาตรา 11 (20) ได้ แม้จะมี ความรู้ ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ อาชีพ ลักษณะหรือประโยชน์ร่วมกัน หรือทำงานหรือเคยทำงานด้านอื่น ในกลุ่มอื่น ขัด หรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 107 วรรคหนึ่งและวรรคสองหรือไม่ โดยศาลอภิปราย แล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้อง ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไข ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญมาตรา 48 ประกอบมาตรา 47 (2) ดังนั้น ผู้ร้องไม่อาจ ยื่นคำร้องดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213

ไม่มีข้อเท็จจริงหลักฐานชัดเจน

...

คำร้องที่สอง กรณี พล.ต.ท.กฤตไชย ทวนทอง และนายแดน ปรีชา (ผู้ร้องรวม 2 คน) ขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่า การที่ กกต. และเลขาธิการ กกต. และพวกรวม 8 คน ร่วมกันประกาศรับรองผลการเลือก สว. ออกประกาศ กกต. เรื่อง ผลการเลือก สว. ลงวันที่ 10 ก.ค.2567 ทั้งที่มีเหตุอันควรสงสัยและมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าการเลือก สว.ระดับอำเภอ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.2567 การเลือกระดับจังหวัดเมื่อวันที่ 16 มิ.ย.2567 และระดับประเทศ เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.2567 มิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม การกระทำของ  กกต. และเลขาธิการ กกต. ที่มิได้สั่งระงับยับยั้ง แก้ไขเปลี่ยนแปลงยกเลิกการเลือก และสั่งให้ดำเนินการเลือกใหม่ หรือนับคะแนนใหม่ เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย เป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลาย ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่ง ศาลอภิปรายแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสาร ประกอบคำร้อง ไม่มีข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานที่ชัดเจนเพียงพอ ที่แสดงให้เห็นว่าผู้ถูกร้องทั้ง 8  คน กระทำการใดๆขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง มีมติเป็นเอกฉันท์ไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย

สภาฯ คว่ำร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต จำนวน 3 ฉบับ ได้แก่ 1.ฉบับของนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สส.กทม. พรรคประชาชน หรือฉบับสุราก้าวหน้า 2.ฉบับของนางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ หรือฉบับสุรารวมไทย และ 3.ฉบับของนายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย หรือสุราชุมชน ที่ค้างวาระการพิจารณาหลังเลื่อนลงมติมาจากวันที่ 18 ก.ย. ทั้งนี้ ที่ประชุมใช้วิธีลงมติทีละ ฉบับ ปรากฏว่า ที่ประชุมลงมติรับหลักการเฉพาะฉบับที่ 2 ของนางศิริวรรณ และฉบับที่ 3 ของนายชนินทร์ ไม่รับหลักการฉบับของนายเท่าพิภพ จากนั้น ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ 32 คน มาพิจารณา

ทวง ก.ม.คุ้มครองให้บริการทางเพศ

ที่ประตู 3 ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มพนักงานบริการ มูลนิธิเอ็มพาวเวอร์ พนักงานบริการ บาร์ อะโกโก้ อิสระ อาบอบนวด คาราโอเกะ ประมาณ 20 คน นัดทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ “ฉันมาทวงกฎหมายของฉันคืน” SEX WORK IS WOR พร้อมยื่นหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ติดตาม ความคืบหน้าและเร่งดำเนินการจัดทำร่าง พ.ร.บ.มาตรการคุ้มครองผู้ให้บริการทางเพศ มีนายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการเรื่องร้องทุกข์ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และตัวแทนกรมการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนา สังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รับหนังสือ ตัวแทนกลุ่มระบุว่า มาทวงถามเป็นครั้งที่ 3 แล้ว ขณะที่นายสมพาศกล่าวว่า รัฐบาลทราบว่าร่างกฎหมายดังกล่าวผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นแล้ว

“ฉัตรชัย” ลูกหม้อนั่งเลขาฯ สมช.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) วันที่ 4 ต.ค. ที่มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะ ผอ.สมช.เป็นประธาน นอกจากมีวาระประชุมสรุป ภาพรวมสถานการณ์แล้ว ยังมีวาระสำคัญคือการพิจารณา แต่งตั้งเลขาธิการ สมช.คนใหม่ ทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง หลัง พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ เกษียณอายุราชการ และจะเสนอชื่อนายฉัตรชัย บางชวด รองเลขาธิการ สมช. คนปัจจุบัน ขึ้นดำรงตำแหน่ง มีรายงาน ว่า เป็นความต้องการของนายภูมิธรรม ที่ต้องการผลักดันคนใน สมช.ขึ้นแทน แม้ก่อนหน้านี้จะมีชื่อ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาราชการแทนรอง ผบ.ตร. ย้ายข้ามห้วยมา ทั้งนี้ หลังที่ประชุม สมช.มีมติ จะนำชื่อเลขาธิการ สมช. เสนอให้ที่ประชุม คณะรัฐมนตรีพิจารณา ในวันที่ 9 ต.ค.

“เด็จพี่” กัดไม่ปล่อยจองเวร “ลุงป้อม”

วันเดียวกัน ที่รัฐสภา นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า มาติดตามว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มาทำงานหรือไม่ ทุกวันพุธและพฤหัสบดี เป็นหน้าที่ สส.ต้องมาประชุมสภา ส่วนที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค พปชร. ระบุว่าวันที่ 3 ต.ค. พล.อ.ประวิตรลาประชุม เท่ากับลาประชุม 98 ครั้ง เป็นการใช้การลาบังหน้าเกือบ 90% ยิ่งนายไพบูลย์แจ้งว่า พล.อ.ประวิตรเตรียมคืนเงินเดือน สส.ที่ได้รับมาตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ถามว่า ความรู้สึกช้าเกินไปหรือไม่ น่าจะจำนนต่อหลักฐาน เพราะความผิดสำเร็จแล้ว ยืนยันว่าไม่ได้ร้องมั่ว ถ้ามั่วจริงคงไม่คืนเงินแบบนี้ แต่คนมั่วคือนายไพบูลย์เพราะไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดแล้ว ไม่ว่า พรรคเพื่อไทยหรือพรรคอื่น จึงไม่มีแกนนำพรรคคนใดมาสั่งการ และไม่ได้รับจ้างใครมาร้องเรียน แต่รับงานมาจากพี่น้องประชาชน

ท้า “ไพบูลย์” ดีเบตตัวต่อตัวอย่าหนี

นายพร้อมพงศ์กล่าวอีกว่า เรียกร้องให้หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องทั้งประธานสภาผู้แทนราษฎร คณะกรรมการจริยธรรม รวมถึงผู้นำฝ่ายค้าน เร่งดำเนินการตรวจสอบทำสภาฯนี้ให้สะอาดสักที วันนี้ต้องกวาดบ้านตัวเอง สส.ทั้ง 500 คนต้องช่วยกัน นายไพบูลย์เตรียมให้ พล.อ.ประวิตรไปชี้แจงต่อกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เลย เรื่องนี้คามุม เพราะการลาประชุมสภาเป็นการเอาเปรียบประชาชน มาทำหน้าที่ 2 วัน แต่ลาไปต่างประเทศ 8 วัน และไม่รู้ว่าเครื่องที่ใช้เป็นเครื่องบินเหมาลำของเจ้าสัวระดับประเทศหรือไม่ ขอท้านายไพบูลย์มาดีเบตกันดีหรือไม่ ให้เป็นนัดหยุดโลกเลย อยากจัดที่ไหนบอก พร้อมนำหลักฐานทั้งหมดตั้งแต่ภาค 1 คลิปปิดวิญญาณ ภาค 2 ลาโลก ภาค 3 นักบุญทุนชาวบ้าน เดินทางหรูกินอยู่สบาย ภาค 4 วงศาคณาญาติเป็นพิษ ภาค 5 นารีเป็นพิษ มีกติกาคือให้เวลาคนละ 1 ชั่วโมงเท่ากัน ให้ถ่ายทอดสด อย่าเหมือนนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรค พปชร. ที่เดินออกจากรายการไปดื้อๆ

พปชร.ตะแบงไม่มาสักวันยังได้

นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช รองโฆษกพรรค พปชร. แถลงโต้ตอบนายพร้อมพงศ์ว่า ได้อามิสสินจ้างหรือไม่ถึงขยันมาร้องเรียน อาจเป็นเหตุทำให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดือดร้อน เพราะอาจไม่ได้เป็นนายกฯต่อ หากพรรคที่สังกัดอยู่ถูกยุบ พล.อ.ประวิตรยื่นหนังสือไม่รับเงินเดือนและคืนเงินเดือนทั้งหมดต่อสภาผู้แทนราษฎรแล้ว มาพุ่งเป้าถึง พล.อ.ประวิตรคนเดียว ทำตัวเหมือนแมลงวันก่อความรำคาญ เคยเตือนหลายครั้งแล้วว่าอย่าเป็นเบี้ยให้เขาหลอก เมื่อถามว่าการลาประชุมถึง 90% ในสมัยประชุมอาจเป็นการลาที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบ นายสามารถตอบว่า ประธานสภาฯอนุญาตให้ลา ก็แปลว่าไม่ขาดการประชุม ในสมัยประชุมมี สส.ไม่มาเลยสักวันก็ลาได้ ถ้าประธานสภาฯอนุญาต

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่