ประเทศไทยก้าวหน้า ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี แย้มไทม์ไลน์พลิกฟื้นประเทศผ่าน “ทีมการเมือง” หลังประเดิมประชุมนัดแรกที่บ้านพิษณุโลก ถนนพิษณุโลก เขตดุสิต กรุงเทพฯ
มีนายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ เป็นประธานฯ นายศุภวุฒิ สายเชื้อ นายธงทอง จันทรางศุ และนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา เป็นที่ปรึกษาฯ โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมด้วย เป็นไปตามสเต็ปการประชุมนัดแรก ผู้มีประสบการณ์สูงสุด คือนายพันศักดิ์ เปิดฟลอร์ก่อน
จบนัดแรกคงเห็นแนวทางที่ “ทีมบ้านพิษณุโลก” กุนซือนายกฯ เตรียมเสนอไอเดียให้นายกฯ เคาะรัวๆ โดยนายพันศักดิ์ ที่มีประสบการณ์ทางการเมืองเหลือเฟือ เชี่ยวชาญด้านภูมิทัศน์โลก การต่างประเทศ หาตัวจับยาก ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้มองทุกจังหวะเป็นโอกาสทองหมด จะเป็นผู้หล่อหลอมจุดแข็งของ 4 กุนซือนายกฯ
ทั้งนายธงทองที่สนใจปฏิรูประบบราชการ นายพงศ์เทพคอยดูกฎหมายให้เอื้ออำนวยต่อการขับเคลื่อนระบบราชการ ตั้งใจทำให้การเมืองเป็นประชาธิปไตย การเมืองที่สร้างสรรค์เป็นตัวผลักดัน ขับเคลื่อนทำให้เศรษฐกิจและสังคมดีขึ้น นายศุภวุฒิมีความสามารถด้านเศรษฐกิจ มีแนวคิดมากมายเพื่อเปลี่ยนประเทศ และรองประธานที่ปรึกษาฯ ที่ทำงานเชิงสาธารณสุข ซอฟต์พาวเวอร์ นวัตกรรม
ธงที่ชัดเจนแบบนี้ นายสุรพงษ์ ให้ความมั่นอกมั่นใจ โดยย้อนให้เห็นที่มาที่ไปของ “ทีมบ้านพิษณุโลก” คล้ายคลึงในอดีตที่เราทำงานผลักดันนโยบายสำคัญ เกิดการเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนไทย แม้การสร้างสันติภาพในอินโดจีน สมัยบ้านพิษณุโลกยุคนายกฯ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ
“ผมเคยเป็นรองนายกฯ รู้ว่าหากบริหารราชการแผ่นดิน โดยทุ่มเทขับเคลื่อนตามภารกิจให้งานออกมาเร็วที่สุด แต่สิ่งที่ขาดไป คือไม่มีโอกาสได้ทบทวน
...
และยังมีเรื่องใหม่ การเปลี่ยนแปลงของโลกเทคโนโลยี การเมือง การปกครอง เศรษฐกิจ ทำให้เราสามารถรวบรวมเอาความรู้เหล่านั้น
รวมกับความรู้ที่ได้จากคนเก่งในหน่วยราชการ ที่ไม่มีโอกาสให้ข้อมูลกับผู้มีอำนาจ และยังมีแนวคิดที่น่าสนใจดีจากภาคเอกชนอีก ทีมที่ปรึกษาก็รวบรวมเอาแนวคิดที่น่าสนใจเสนอนายกฯ”
โดยนายกฯ นัดประชุมกับทีมที่ปรึกษาทุกวันพฤหัสฯตอนเช้า ซึ่งเป็นภารกิจแน่นอนที่ต้องพูดคุยนำเสนอ นโยบายเร่งด่วน นโยบายระยะกลาง และระยะยาว เราทำการบ้านล่วงหน้าแล้ว เพื่อพูดคุยกับนายกฯ
นโยบายเร่งด่วนออกมาตรการทางการเงินช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม เยียวยาประชาชนให้มีโอกาสฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว นายศุภวุฒิเตรียมข้อเสนอไว้หมดแล้ว
ขึ้นอยู่กับนายกฯพิจารณา ไม่เห็นด้วยก็บอกว่าไม่เห็นด้วย หลายๆเรื่องที่ปรึกษาเสนอนายกฯ จะเห็นด้วยหมด ก็ต้องมีคำเสนอมีเหตุผลประกอบ มีรายละเอียดเป็นพื้นฐานประกอบ
กลับกัน ไม่ได้หมายความว่านายกฯ คิดแบบนี้ที่ปรึกษาจะเห็นด้วย ตรงไปตรงมา เห็นด้วยก็บอกว่าเห็นด้วย ไม่เห็นด้วยก็บอกว่าไม่เห็นด้วย ทั้งหมดทีมที่ปรึกษาคุยกับนายกฯ ชัดเจน
นโยบายใหม่ด้านไหนที่เตรียมเสนอเปิดมาเซอร์ไพรส์ต่อสาธารณะบ้าง นายสุรพงษ์ บอกว่า เรื่องนี้ทีมที่ปรึกษายังไม่ได้พูดคุย แต่ทั้งหมดรู้จักกันได้พูดคุยมาก่อนหน้านี้ มีหลายเรื่องที่เชื่อว่าไม่เคยมีการคิดมาก่อน
เมื่อถึงเวลาเตรียมรวบรวมหลายแนวคิดเสนอให้นายกฯ เพื่อตอบรับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงของโลก เพราะประเทศว่างเว้นปรับตัวครั้งใหญ่มานาน
เชื่อมั่นทั้งเศรษฐกิจ-สังคม-การเมืองเปลี่ยน
ต่อไปนี้มีโอกาสได้เห็นการปรับตัวใหญ่ด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคมของประเทศไทย แต่พรรคเพื่อไทยต้องมีนโยบายใหม่ เหมือน 30 บาท รักษาทุกโรคที่เป็นตำนานกินบุญเก่ามาจนถึงทุกวันนี้ นายสุรพงษ์ บอกว่า ใช่
เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค ทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันครั้งใหญ่ รัฐบาลบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ชีวิตของคนไทยเปลี่ยนไปอย่างมากมาย ในวันนั้นมี 30 บาทรักษาทุกโรคแล้ว ยังมีนโยบายอื่นๆ อีก
ฉะนั้นวันนี้มีนโยบายใหม่หรือไม่ ความท้าทายที่เผชิญวันนี้ ระบบนิเวศด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ยิ่งซับซ้อนกว่าเมื่อ 22-23 ปีที่ผ่านมา แต่ภายในเทอมรัฐบาลที่เหลือประชาชนได้เห็นอีกหลายเรื่อง ทำให้รู้สึกว่า “โอ้โห” เรื่องนี้คิดได้อย่างไร เรื่องนี้มันเปลี่ยนแปลงชีวิตคนได้อย่างนี้ เป็นต้น
โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเป็นจุดเปลี่ยนประเทศ โดยรัฐบาลสร้าง “รัฐกิจ” เปิดให้เอกชน ประชาชน เสียบปลั๊กโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล รัฐบาลรู้ว่าทำอย่างไรให้เกิดขึ้น นายสุรพงษ์ บอกว่า ครับ เพราะระบบนิเวศโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลกำลังเปลี่ยนโลก-เปลี่ยนประเทศ
ฉะนั้นเทคโนโลยีดิจิทัลเป็นเครื่องมือทำให้ระบบราชการมีประสิทธิภาพมากขึ้น สมมติรัฐบาลทำให้ระบบราชการเก่งมากขึ้นเรื่อยๆ ดิจิทัลก็สามารถเอ็มพาวเวอร์ระบบราชการ-เอกชน-ประชาชนแต่ละคน แต่ละส่วน แต่ละชุมชนสามารถทำงานที่ทำให้ความฝันตัวเองได้เป็นจริง
แก้ปัญหาประเทศพลิกฟื้นการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ควรเริ่มที่ปฏิรูประบบราชการจะเกิดขึ้นในวาระที่เหลือของรัฐบาล 2 ปี 8 เดือนอย่างไร นายสุรพงษ์ บอกว่า ปฏิรูประบบราชการได้พูดคุยกันตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง
เพราะตลอดช่วง 9 ปี ประเทศสะดุด ระบบราชการใหญ่ขึ้น ยืนยันว่านายกฯ อยากเห็นการปฏิรูปภายในให้ระบบราชการเกิดประสิทธิภาพ รวมเอาคนเก่งของทุกหน่วยมาช่วยกันคิด ขับเคลื่อนอย่างสอดประสาน อาจารย์ธงทองระบุชัดเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้
ปฏิรูประบบราชการเป็นเรื่องใหญ่
เกิดขึ้นเร็วภายในรัฐบาลนี้แน่นอน
กระทรวงไคลเมท เชนจ์ กระทรวงความมั่นคง ควรเกิดขึ้น เพราะมิติทางด้านโลกร้อน มิติด้านความมั่นคง เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ต้องควบรวมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องป้องกันและแก้ไขปัญหาใหญ่เหล่านี้
นายสุรพงษ์ บอกว่า ประเทศไทยเปลี่ยนโครงสร้างกระทรวงทบวงกรม ครั้งหลังสุดปี 2545
“ผ่านมา 22 ปี หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงเยอะมาก ไคลเมท เชนจ์-เทคโนโลยีมันเปลี่ยนไปมาก การควบรวมหน่วยงานอาจเกิดขึ้น
หน่วยงานใหม่ที่เกิดขึ้นต้องตอบรับภารกิจที่ท้าทายใหม่ของประเทศ และมนุษยชาติ อย่างที่ถามปฏิรูปราชการก็เป็นเรื่องเร่งด่วน
แต่ต้องเชิญคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมา เพราะครั้งนี้ถ้าทำไม่ใช่แค่ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันของระบบราชการเท่านั้น ต้องดูในเชิงโครงสร้างระบบราชการด้วย”
ทีมที่ปรึกษานายกฯ ทำงานภายใต้รัฐบาลพรรคเดียวรวดเร็วกว่า แต่คราวนี้ทำงานกับพรรคร่วมรัฐบาล หนักใจแค่ไหนต่อการผลักดันแต่ละเรื่องให้รวดเร็วทันใจสังคม นายสุรพงษ์ บอกว่า ไม่หนักใจ ไม่ใช่ปัญหา
เพราะที่ปรึกษาของนายกฯ เสนอนโยบายก็เกี่ยวข้องกับทุกกระทรวง ทุกพรรคก็ทำในนามรัฐบาล และต่างต้องการสร้างผลงาน สร้างตำนานของตัวเอง เหมือนตำนาน 30 บาท รักษาทุกโรคของพรรคไทยรักไทย
ถูกฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองวิพากษ์ว่าทีมกุนซือนายกฯ ของพ่อคือนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ครอบงำนายกฯ อิ๊งค์ นายสุรพงษ์ บอกว่า 4 ที่ปรึกษาของนายกฯ เคยทำงานด้านการเมืองให้อดีตนายกฯ นายธงทองเป็นข้าราชการ ทำงานร่วมกับทุกรัฐบาล ทั้ง 5 คนไม่รู้สึกว่าต้องทำงานเพื่อพรรคเพื่อไทย
ทุกคนมาทำงานโดยมองประเทศไทยยังมีโอกาสอีกมาก คนไทยควรได้รับโอกาสนั้น แต่เป็นธรรมดาในมุมการเมืองก็มองแบบนั้นได้ สุดท้ายผลงานที่ออกมาเป็นตัวพิสูจน์
โอกาสสร้างตำนานบ้านพิษณุโลกหน้าใหม่อย่างไร เหมือนยุคเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า นายสุรพงษ์ บอกว่า ครั้งนี้บ้านพิษณุโลกจะเสนอนายกฯ หากเห็นด้วยก็นำไปสู่การขับเคลื่อน โดยเราไม่ได้เสนอว่าควรทำอะไรอย่างเดียว เตรียมเสนอว่าทำอย่างไรให้สำเร็จ คีย์ตรงนี้สำคัญมาก
โดยทำให้เป็นประเทศมีรายได้สูงให้ได้
ฉะนั้นเชื่อมั่นมีมากกว่าหนึ่งตำนานแน่.
ทีมการเมือง
คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม