เป็นไปตามเสียงเรียกร้องของร้านอาหารและเครื่องดื่มใน กทม.และ จังหวัดปริมณฑล นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงว่าคณะรัฐมนตรีอนุมัติสินเชื่อ 2,000 ล้านบาท ให้เจ้าของร้านค้ากู้ จากธนาคารออมสิน เพื่อให้ธุรกิจมีสภาพคล่องเดินหน้าต่อไปได้ หลังจากที่รัฐบาลสั่งห้ามนั่งกินอาหารในร้านอาหาร

เป็นคำสั่งที่บางคนเรียกว่าเป็นการ “ลักหลับ” เพราะประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อคืนวันที่ 28 มิถุนายน โดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า เปรียบเสมือนฟ้าที่ผ่าลงมากลางดึก กระทบเจ้าของร้านอาหารใน กทม. และ 5 จังหวัด คือ สมุทรปราการ นนทบุรี สมุทรสาคร นครปฐม และปทุมธานี เดือดร้อนทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ

เนื่องจาก กทม.กับจังหวัดปริมณฑล เป็นสังคมคนเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ มีประชากรมากที่สุด อยู่หนาแน่นที่สุด คนส่วนใหญ่ต้องทำงานนอกบ้าน ต้องฝากท้องไว้กับร้านอาหาร ไม่ว่าจะเป็นระดับภัตตาคาร หรือหาบเร่ แพงลอย หรืออยู่บนดิน ไม่มีเวลาที่จะหุงหา อาหารมื้อเช้าหรือมื้อกลางวันเหมือนกับคนชนบท คำสั่งนี้ผู้บริโภคก็เดือดร้อน

ส่วนผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่ม ได้รับผลกระทบรุนแรงด้านธุรกิจร้านอาหารจำนวนมากต้องปิดตัวเองทันที ร้านที่ยังอยู่อาจขายตกครึ่งต่อครึ่ง ถ้ารัฐบาลยังยืนยันคำสั่งห้ามกินในร้านจนครบเดือน จะกระทบพนักงานกว่า 5 แสนคน ส่วนใหญ่กลายเป็นผู้ว่างงานหน้าใหม่ ส่วนความเสียหายของร้านค้าอาจถึงกว่าหมื่นล้าน

คำสั่งลักหลับวันนี้ ไม่ได้กระทบแค่เจ้าของกิจการร้านอาหาร แต่กระทบถึงคนอาชีพอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เช่น เกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน ผู้ผลิตวัตถุดิบป้อนร้านอาหาร ไม่ว่าจะเป็นผู้เลี้ยงปศุสัตว์ เลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ ปลูกผัก ต่างได้รับความเสียหายในทันที เพราะ กทม.และปริมณฑล เป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุด

...

เป็นคำสั่งที่ออกมา โดยไม่ได้ศึกษาผลดีผลเสียอย่างรอบด้านหรือไม่ เพราะนับแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นเวลาปีเศษ ยังไม่เคยมีข่าวว่าร้านอาหารกลายเป็นแหล่งแพร่ระบาดรายใหญ่ มีแต่ตลาดค้ากุ้ง หรือตลาดสดบางแห่ง รวมทั้งบ่อนพนันเถื่อน สนามมวย สถานบันเทิงหรู และแคมป์คนงาน

เปรียบเทียบกับตลาดสดโดยทั่วไป ร้านอาหารส่วนใหญ่มีความสะอาดและแออัดน้อยกว่าตลาดสดส่วนใหญ่ ถ้ารัฐบาลต้องการจัดระเบียบร้านอาหาร จึงสามารถทำได้ง่ายกว่า เช่น การสวมหน้ากากอนามัย หรือการรักษาระยะห่าง และการกำหนดเวลาเปิดปิด คนไทยเป็นผู้ที่ว่านอนสอนง่าย อาจสวมหน้ากากในอัตรา สูงสุดในโลก.