ตำรวจอยุธยา ตามรวบ “แก๊งแฮกเกอร์” แบ่งหน้าที่ล้วงข้อมูลหนุ่มประดับยนต์ที่อยุธยา นำไปใช้โอนเงินออกจากบัญชีแบงก์กสิกรไทย ทำสูญเงินเกือบล้านบาท สารภาพหมดเปลือกทำมาแล้ว 9 ครั้ง ขณะผู้เสียหายนำกระเช้าดอกไม้มาขอบคุณเจ้าหน้าที่
จากกรณี นายพันธุ์สุธี มีลือกิจ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 525/62 หมู่ 8 ต.ประตูชัย อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เจ้าของร้านประดับยนต์ แจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2559 ว่า เงินในบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาอยุธยา หมายเลขบัญชี 243-2-49818-7 จำนวน 986,700 บาท ของตนได้หายไป โดยเบื้องต้นเชื่อว่าถูกคนร้ายที่ทำทีเป็นลูกค้า นำข้อมูลปลอมของตน ไปใช้ประกอบในการถอนเงินออกจากธนาคาร ผ่านทางอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง แต่คดีล่าช้าจนกระทั่งวันที่ 19 ส.ค.59 ได้เดินทางไปประท้วงบนถนนพระราม 1 หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเรียกร้องให้ธนาคารกสิกรไทยใช้เงินที่สูญเสียไป จนกระทั่งธนาคารกสิกรไทยรับผิดชอบคืนเงินให้ทั้งหมด และให้ตำรวจเร่งติดตามจับคนร้าย (จับยกแก๊ง6โจรไซเบอร์ หลอกอี-แบงก์กิ้ง ก่อคดีมา9ครั้งได้3ล้าน)
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 ส.ค.59 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.สมบัติ ชูชัยยะ รอง ผบก.ภ.จว.ฯ พ.ต.อ.ภูวดิท ชนะคชภัทร์ รอง ผบก.ภ.จว.ฯ พ.ต.อ.สุรพงค์ ธรรมพิทักษ์ ผกก.สภ.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.ท.นนทพัทธ์ ยอดแก้ว รอง ผกก.สส.ฯ ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายสยาม หรืออุ้ม เทืองผล อายุ 18 ปี นายเอกพจน์ หรือเบิ้ล รัตนากร อายุ 29 ปี นายพัฒนรสพงษ์ หรือต้อม ก้านสนธิ์ อายุ 33 ปี นายสุริไกร หรือต้น อนุมาตย์ อายุ 30 ปี นายวิศรุต หรือเบส ศุภนาค อายุ 18 ปี และนายบี (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ร่วมกันลักทรัพย์ธนาคารกสิกรไทยและร่วมกันปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม พร้อมของกลาง รถยนต์กระบะนิสสันสีเทา ทะเบียน บษ 1706 ราชบุรี โทรศัพท์มือถือจำนวน 5 เครื่อง
...
โดยผู้ต้องหารับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือก่อเหตุจริง และได้ร่วมกันกระทำผิดในลักษณะนี้มาแล้วหลายพื้นที่ จำนวน 9 ครั้ง ซึ่งมีนายพันธุ์สุธี มีลือกิจ ผู้เสียหายมาชี้ตัวได้อย่างถูกต้อง พร้อมทั้งนำกระเช้าดอกไม้มาขอบคุณตำรวจที่สามารถจับคนร้ายยกแก๊งได้ที่จังหวัดราชบุรี
พล.ต.ต.สุทธิ กล่าวว่า พฤติกรรมของแก๊งคนร้ายรายนี้มี นายเอกพจน์ ทำหน้าที่หัวหน้าแก๊ง โดยเป็นขับรถพานายพัฒนรสพงษ์ ไปติดต่อทำซิมใหม่โดยการขับรถยนต์หาเหยื่อกดเงินผ่านตู้เอทีเอ็มและถอนเงินจากเคาน์เตอร์ธนาคาร จากนั้น นายพัฒนรสพงษ์ ติดต่อพา นายสุริไกร หรือ ต้น ไปเปิดบัญชีเพื่อรอรับโอนเงิน ที่ธนาคารกสิกรไทยสาขาโรบินสันราชบุรี และธนาคารกรุงเทพสาขาราชบุรี โดยมีนายสยาม หรืออุ้ม เทืองผล ทำหน้าที่ เป็นคนนำสำเนาบัตรประชาชนของผู้เสียหาย ไปปลอมแปลงและนำภาพถ่ายมาแทนผู้เสียหาย เพื่อไปขอซิมใหม่เบอร์เดิม และให้นายวิศรุต หรือเบส ทำหน้าที่ปลอมสำเนาบัตรประชาชนผู้เสียหาย โดยนำใบหน้าของนายสยาม แทนผู้เสียหาย ส่วนนายบี (นามสมมติ) เยาวชน อายุ 17 ปี ไม่ได้นำตัวมาแถลงข่าว ทำหน้าที่หลอกผู้เสียหายผ่านเฟซบุ๊กพร้อมขอสำเนาบัตรประชาชนหมายเลขบัญชี ชื่อผู้ใช้ในการโอนเงินผ่านอินเทอร์เน็ต จากนั้นโทร.ติดต่อเจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อสอบถามยอดเงินผู้เสียหาย และโทรติดต่อค่ายโทรศัพท์ของผู้เสียหายเพื่อแจ้งระงับสัญญาณ ก่อนสวมรอยเข้าบัญชีอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้งของผู้เสียหาย โอนเงินไปยังบัญชีที่กลุ่มผู้ต้องหาเตรียมไว้
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ และร่วมกันปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา ดำเนินคดีต่อไป.