ร่วมมือลูกเขย‘ยึดกิจการ’ ศึกมรดก-โดนไล่จากบ้าน บุกทําเนียบขอ‘บิ๊กตู่’ช่วย
“แม่ประนอม”เจ้าของน้ำพริกเผายี่ห้อดัง บุกทำเนียบฯยื่นหนังสือร้อง “บิ๊กตู่” ประจานพฤติกรรมลูกสาวคนโตกับลูกเขยอาศัย ช่องกฎหมายปลอมหนังสือมอบอำนาจ โอนที่ดินกองมรดกเปลี่ยนชื่อผู้ถือหุ้นบริษัทเขี่ยชื่อบิดาผู้ล่วงลับและญาติพี่น้องออกเกลี้ยง สวมชื่อลูกเสียบแทน ฮุบกิจการมูลค่ากว่า 5 พันล้านเป็นของครอบครัวตัวเอง แถมยังไล่ออกจากบ้านต้องระเห็ดไปทำร้านอาหารกับลูกสาวคนรอง สุดจะทนจึงโร่เข้าร้องถึงนายกฯเพื่อเป็นบรรทัดฐานทางจริยธรรม-ศีลธรรมในสังคม เลขาฯเผย “แม่ประนอม” ถูกหลอกซ้ำเซ็นยอมความกว่าจะรู้ก็หมดตัวแล้ว
ศึกแม่-ลูก “นํ้าพริกเผาพันล้าน” เมื่อนางประนอม แดงสุภา หรือแม่ประนอม ผู้ก่อตั้งธุรกิจน้ำพริกเผาแม่ประนอมชื่อดัง เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนกับศูนย์บริการประชาชนของรัฐบาล ขอความเป็นธรรมกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ให้ช่วยเคลียร์ เนื่องจากโดนลูกสาวคนโตรวมหัวลูกเขยวางแผนยึดกิจการ
เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 25 มี.ค. ที่ศูนย์บริการประชาชน อาคารสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ถนนพิษณุโลก ตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล นางประนอม แดงสุภา หรือแม่ประนอม ผู้ก่อตั้งธุรกิจน้ำพริกเผาแม่ประนอม ในนามบริษัทพิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม จำกัด ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และสมาคมนักข่าวช่างภาพอาชญากรรม โดยมี น.ส.รวีวรรณ บุญศิริธรรมชัย นักวิเคราะห์นโยบายและแผนงานชำนาญ สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับหนังสือร้องเรียน
...
นางประนอมให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวภายหลังยื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับนายกรัฐมนตรีว่า ตนและนายศิริชัย แดงสุภา สามี เริ่มก่อตั้งธุรกิจมาตั้งแต่ปี 2502 จนกระทั้งปี 2537 ได้มีการขยายกิจการ และมอบหมายให้นางศิริพร แดงสุภา บุตรสาวคนโต ซึ่งเป็นที่ไว้วางใจของคนในครอบครัว เป็นกรรมการและบริหารงานต่างๆแทน ต่อมาปี 2544 บริษัทได้มีการเพิ่มทุนและมีสัดส่วนผู้ถือหุ้นหลัก ได้แก่ ตนกับสามี บุตรสาวคนโต และบุตรสาวคนรอง ต่อมาปี 2556 นายศิริชัยได้เสียชีวิต และศาลได้แต่งตั้งให้ตนเป็นผู้ดูแลกิจการ จนกระทั่งปี 2558 ทราบว่านางศิริพรได้ปลอมหนังสือมอบอำนาจจากตน โอนที่ดินกองมรดกให้เป็นของตัวเอง พอทราบเรื่องได้ขอให้บุตรสาวโอนที่ดินคืนแต่กลับเพิกเฉย
นางประนอมกล่าวด้วยว่า นางศิริพรและนายสุชาติ ภาษาประเทศ บุตรเขย ยังได้ฮุบกิจการ “น้ำพริกเผาแม่ประนอม” ไปเป็นของตนเอง โดยนางศิริพร ในฐานะกรรมการได้ทำการเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัทใหม่ทั้งหมด ตัดชื่อนายศิริชัย ตนและบุตรคนอื่นๆออกจากรายชื่อผู้ถือหุ้น แล้วใส่ชื่อตัวเองกับสามี รวมถึงบุตรของทั้งคู่เป็นผู้ถือหุ้นแทน นอกจากนี้ยังขับไล่ตนออกจากบ้าน ตนจึงต้องออกมาทำร้านอาหารพีเอส เรสเตอรองต์ อาหารไทยตำรับแม่ประนอมกับบุตรสาวคนรอง ที่ผ่านมาได้ฟ้องร้องต่อศาลแพ่งตลิ่งชันเพื่อให้ทั้ง 2 คืนทรัพย์สินกลับมาแล้ว แต่คดียังไม่สิ้นสุดแม้เป็นเรื่องภายในครอบครัว แต่ถ้าปล่อยให้บุตรสาวและบุตรเขยใช้ช่องว่างของกฎหมายฮุบกิจการและทรัพย์สินของครอบครัวไปเป็นของตนเองโดยง่ายจะเกิดผลเสียหายแก่ของบรรทัดฐานด้านจริยธรรมและศีลธรรมของสังคมอย่างยิ่ง จึงขอความกรุณาคืนความเป็นธรรมให้กับครอบครัวต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่นางประนอมจะเดินทางไปถึงศูนย์บริการประชาชน มีทีมงานติดตามที่เป็นชายฉกรรจ์มาคอยดูแลความปลอดภัยล่วงหน้า โดยนางประนอมนั่งมาในรถยี่ห้อจากัวร์กับ น.ส.ศิริวัลย์ แดงสุภา บุตรสาวคนรอง มีคนขับให้ เมื่อเข้าไปในห้องรับเรื่องร้องเรียนทีมงานดังกล่าวได้ตามเข้าไปด้วย เจ้าหน้าที่ต้องขอให้ออกจากห้องเพื่อที่จะพูดคุยกับนางประนอม อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 26 มี.ค. เวลา 14.00 น. นางประนอมจะเปิดแถลงข่าวชี้แจงกรณีดังกล่าวด้วยตัวเองอีกครั้งที่ร้านอาหารพีเอส เรสเตอรองต์ พุทธมณฑล สาย 3
ต่อมาเวลา 17.00 น. น.ส.ศิริวัลย์ แดงสุภา บุตรสาวคนรองของแม่ประนอม ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับผู้สื่อข่าวว่า เรื่องนี้ได้ฟ้องร้องเป็นคดีอาญาที่ศาลนครปฐม และฟ้องศาลแพ่งตลิ่งชันไว้แล้วยังไม่จบทั้ง 2 ศาล และที่เพิ่งมาร้องเรียนที่ศูนย์บริการประชาชน ทั้งที่เรื่องเกิดขึ้นเมื่อปี 58 เนื่องจากเมื่อ 2-3 เดือนก่อนได้มีผู้ใหญ่คนหนึ่งจะเคลียร์เรื่องดังกล่าวให้ โดยมาพูดคุยกับนางประนอม ซึ่งนางประนอมได้เซ็นหนังสือฉบับหนึ่งโดยไม่ได้รับการอธิบายว่าเป็นหนังสืออะไร แต่มาทราบภายหลังว่าเป็นหนังสือให้ยกฟ้องเรื่องต่างๆ และขอไม่รับสมบัติอะไรทั้งสิ้น จึงเกรงว่าผลที่ออกมาจะเป็นโมฆะจึงมาร้องเรียนให้สังคมได้ทราบเรื่องดังกล่าว ยืนยันว่าการออกมาครั้งนี้ไม่ได้มีอะไรแอบแฝง
ขณะที่เจ้าหน้าที่ศูนย์บริการประชาชน แจ้งว่า การร้องเรียนเรื่องต่างๆจะต้องดูเป็นกรณีไป หากเป็นเรื่องหนี้สินจะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัว จะชี้แจงให้ทราบถึงระเบียบงานของสำนักงานว่าไม่สามารถช่วยเหลือได้ ซึ่งต้องไปยื่นตามช่องทางที่กฎหมายกำหนดไว้ ส่วนเอกสารที่นางประนอมได้นำมายื่นมีการอ้างว่ามีการใช้เงินและบุคคลเข้าแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมในศาลนั้น ทางศูนย์ฯไม่สามารถตรวจสอบได้เพราะเป็นการพิจารณาก้าวล่วงไม่ได้
ด้าน น.ส.สุกัญญา ไทรท้วม เลขาฯส่วนตัวของแม่ประนอม เผยว่า “แม่ประนอมได้แจ้งความไว้ที่ สน.ธรรมศาลา ประมาณปีกว่าแล้ว และคดีความอยู่ช่วงไต่สวนสืบพยานหาหลักฐานเพิ่มเติมซึ่งนางศิริพร ลูกสาว มีการเข้ามาพยายามเจรจาให้แม่ประนอมไม่ติดใจเอาเรื่องหลายครั้ง จนล่าสุดเมื่อประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา นางศิริพรได้นำผู้ใหญ่ทางฝ่ายสามีแม่ประนอมที่แม่ประนอมนับถือมารับแม่ประนอมออกไปนอกบ้าน โดยอ้างว่าจะเจรจาเรื่องมรดก ซึ่งแม่ประนอมก็คิดว่าคงจะได้ส่วนแบ่งมรดกมาใช้ยามแก่เฒ่าบ้าง และเคยเจรจากับลูกมาแล้วหลายครั้งแต่ถูกปฏิเสธมาตลอด เมื่อไปถึงกลับถูกหลอกให้เซ็นเอกสาร ซึ่งระบุว่า ทางแม่ประนอมไม่ติดใจเอาความนางศิริพร และไม่ต้องการมรดกหรือทรัพย์สินใดๆเลย ด้วยความที่ว่าแม่ประนอม เรียนจบแค่ชั้น ป.2 จึงไม่ทันเล่ห์เหลี่ยม”
...
น.ส.สุกัญญากล่าวด้วยว่า สำหรับมูลค่าทรัพย์สินของบริษัททั้งหมดมากกว่า 5 พันล้านบาทแน่นอนตอนนี้แม่ประนอมไม่เหลือทรัพย์สินใดเลย เพราะก่อนจะเกิดเรื่องไม่นาน แม่ประนอมได้มาซื้อที่ดินบนถนนพุทธมณฑลสาย 3 มูลค่า 20 ล้านบาท เพื่อทำร้านอาหารชื่อว่า พี เอส เรสเตอรองต์ แต่ด้วยพิษเศรษฐกิจ ทำให้ยอดขายไม่ดีจนแม่ประนอมต้องเอาแก้วแหวนเงินทองไปขายบ้าง จำนำบ้างเพื่อเอาเงินมาประคองร้านให้อยู่ได้ ซึ่งตอนนี้แม่ประนอมหมดตัวแล้ว โดยวันที่ 26 มี.ค.นี้ เวลา 14.00 น. แม่ประนอมจะเปิดแถลงข่าวในเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดที่ร้านพี เอส เรสเตอรองต์ ส่วนนางศิริพรทราบว่า จะเปิดแถลงข่าวที่ บ.พิบูลย์ชัยน้ำพริกเผา ไทยแม่ประนอม จำกัด ในช่วงเช้าวันที่ 26 มี.ค.นี้ ด้วยเช่นกัน
สำหรับบริษัท พิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม จำกัด ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2502 โดยนายศิริชัย และนางประนอม แดงสุภา ในนามห้างหุ้นส่วน จำกัด อุตสาหกรรมพิบูลย์ชัย โดยมีสำนักงานและ โรงงานตั้งอยู่เลขที่ 113/1-2 หมู่บ้านเศรษฐกิจ เขต หนองแขม กทม. บนเนื้อที่ 2 ไร่ โดยในระยะแรกบริษัทฯ เริ่มจากผลิตสินค้าเพียงชนิดเดียว คือ น้ำพริก เผาไทยบรรจุขวด ภายใต้เครื่องหมายการค้า “ตราแม่ประนอม” ด้วยฝีมือการปรุงรสชาติที่อร่อยถูกปากคนไทย และคุณภาพที่ได้มาตรฐาน ตามต้นตำรับอาหารไทยของนางประนอม ทำให้กิจการเจริญเติบโต ต่อเนื่องในระยะเวลาไม่นาน ต่อมาได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ในนาม บริษัท พิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม จำกัด โดยในปี 2537 ได้ย้ายโรงงานเพื่อขยายกำลังการผลิต มาอยู่ที่ อาคารเลขที่ 68/10 หมู่ 12 ถนนบรมราชชนนี แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม. บนเนื้อที่กว่า 30 ไร่ นับเป็นโรงงานแห่งที่ 2 ที่ทันสมัย
ตลอดระยะเวลา 57 ปี ที่ผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้า “ตราแม่ประนอม” ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคอย่างกว้างขวาง ทั้งจากชาวไทย และชาวต่างประเทศ ทำให้บริษัทฯมีเจตนารมณ์อันแน่วแน่ในการที่จะรักษามาตรฐานการผลิตสินค้าให้เป็นที่ไว้วางใจจากผู้บริโภค พร้อมทั้งพยายามคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคอย่างสูงสุด
...