ตัวแทนกลุ่มผู้ประกอบการสปา ร้านนวด ยื่นศาลแพ่งฟ้อง กระทรวงการคลังกับพวก เป็นจำเลยเรียกค่าเสียหายกว่า 200 ล้านบาท จากคำสั่งของรัฐที่สั่งปิด ทำให้ไม่ได้รับการเยียวยา ไม่ได้เงินกู้ ธุรกิจพัง
ที่ศาลแพ่งวันที่ 17 ส.ค. 64 ได้มีนายพิทักษ์ โยธา กับพวกรวมกว่า 200 คน ซึ่งเป็นผู้ประกอบอาชีพ สปาและร้านนวด ย่านสุขุมวิท และที่อื่น เข้าลงชื่อกัน ยื่นฟ้องกระทรวงการคลังกับพวก เป็นจำเลยฐานละเมิดเรียกค่าเสียหายกว่า 200 ล้านบาท
นายพิทักษ์ กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิด-19 รอบแรกจนปัจจุบัน รัฐบาล ยังไม่เคยยื่นความช่วยเหลือ แก่ผู้ประกอบการ เราจึงไม่รับความเป็นธรรมจากการเยียวยาของรัฐบาล และเราโดนปิดมาตลอด บอกว่าให้ช่วยหยุดเชื้อเพื่อชาติ ดังนั้น เมื่อเรายังได้รับความเสียหาย มีค่าใช้จ่ายจากค่าเช่า ค่าภาษี และการขาดรายได้ ประกอบกับไฟแนนซ์ ไม่อนุมัติเงินกู้ธนาคารไม่อนุมัติสินเชื่อ ทำให้เราไม่มีที่ไป ต้องมาพึ่งศาล ว่าศาลจะช่วย หาทางออกให้พวกเราอย่างไร ที่ผ่านมารัฐบาลฉีดวัคซีนให้แค่ 2 ถึง 300 คนเท่านั้นซึ่งยังไม่เพียงพอบอกว่าต้องฉีดให้กับคนสำคัญก่อน และหาว่าร้านนวดเป็นกลุ่มเสี่ยงแพร่ระบาด ทั้งที่เราไม่เคยเป็นคลัสเตอร์ใหญ่มาก่อน
...
"คำสั่งของรัฐ ทำให้เรามีภาระหนี้สิน สิ้นเนื้อประดาตัว เราอดทนมาพอแล้ว รัฐบาลไม่เคยให้เรา คำสั่งของรัฐออกมา 38 ฉบับ และยังให้เราปิดมาจนถึง 31 สิงหาคม 64 ก็ยังไม่รู้ว่าจะเปิดอีกได้เมื่อไหร่ เราไปติดต่อไฟแนนซ์และธนาคาร เขาก็บอกว่านายกรัฐมนตรียังไม่มีคำสั่ง เป็นลายลักษณ์อักษรว่าให้ธนาคารงดเก็บหนี้งดเก็บดอก เราจึงยังต้องจ่ายอีกต่อไป" ตัวแทนกลุ่มผู้ประกอบการที่ยื่นฟ้อง กล่าว
ด้านนางสาวมณลภัส ไทยเจริญ เจ้าของร้านสปาเดวาย่านสุขุมวิท 101/1 บอกว่าตนถูกปิดมานานกว่า 8-9 เดือนแล้ว มีหนี้สินอยู่หลายแสน แถมยังได้จดหมายทวงหนี้จาก รัฐ เรียกเก็บภาษีโรงเรือนภาษีป้าย นอกจากนี้ผู้เช่า ยังต้องเสียค่าเช่าให้กับผู้ให้เช่าอีกเดือนละ 30,000 บาท ถึงตอนยังต้องจ่าย คิดว่าต่อไปนี้คงเลิกทำอาชีพนี้แล้ว เพราะจ่ายไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว.