วันเสาร์สบายๆวันนี้ไปดูเรื่อง การทำงานในอนาคตยุคหลังโควิดกันหน่อยนะครับ เพราะจะมีผลต่อคนทำงานทุกคนแน่นอน บริษัทยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ เช่น โกลด์แมน แซคส์, ไมโครซอฟท์, แอปเปิล, สายการบินยูไนเต็ด, สายการบินเดลต้า วันนี้ต่างประกาศนโยบายในอนาคตอันใกล้ออกมาชัดเจนแล้ว พนักงานที่ทำงานเต็มเวลา รับเงินเดือนเต็มเดือนทุกคนต้องฉีดวัคซีนป้องกันโควิดให้ครบสองโดส ใครไม่ฉีดหรือฉีดไม่ครบไม่ให้เข้าทำงานในออฟฟิศ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโควิดในสำนักงาน บางบริษัทประกาศเก็บเงินจากพนักงานที่ไม่ยอมฉีดวัคซีนคนละ 200 ดอลลาร์ 6,600 บาทต่อเดือน เพื่อชดเชยความเสียหายของบริษัท

วันนี้ผมเลยชวนท่านผู้อ่านไปดู การทำงานแบบลูกผสม Hybrid Work ที่จะเป็นระบบการทำงานแบบใหม่ในอนาคตหลังจากวิกฤติโควิดซาลงแล้ว

วารสาร “การเงินธนาคาร” ฉบับสิงหาคมได้รายงานเรื่อง “ไฮบริดเวิร์กมรดกจากโควิด–19” ว่า การแพร่ระบาดของโควิด–19 ได้กลายเป็นพลังผลักดันให้บริษัทต่างๆมีการใช้เทคโนโลยีและคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆได้รวดเร็วกว่าที่ควรจะเป็น เช่น การทำงานที่บ้านหรือ Work from Home ก็เป็นผลพวงมาจากไวรัสร้ายเช่นกัน และอาจทำให้ชีวิตการทำงานของคนในบางธุรกิจและบางประเทศ ต้องเปลี่ยนไปจากยุคก่อนโควิดโดยสิ้นเชิง

แนวคิดการทำงานที่บ้าน สมัยก่อนถือเป็นเรื่องห่างไกล และไม่อยู่ในหัวของผู้บริหาร ขนาดบริษัทไฮเทคอย่าง Google ที่คิดประดิษฐ์แอปฯขึ้นมาเพื่อช่วยให้สามารถทำงานในพื้นที่ห่างไกลในเวลานั้น ยังเปรยแบบทีเล่นทีจริงว่า บริษัทชอบที่จะให้พนักงานทำงานที่ออฟฟิศมากกว่า เพราะเชื่อว่า การทำงานเป็นทีมมีประสิทธิภาพในการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆมากกว่า ดีกว่าปล่อยให้พนักงานแต่ละคนทำงานเจ่าจุกอยู่ที่บ้านตามลำพัง

...

แต่เมื่อโควิดอุบัติขึ้นอย่างฉับพลัน และระบาดรุนแรงขึ้นจนรับมือไม่ไหว ทำให้ประเทศต่างๆต้องใช้ยาแรงล็อกดาวน์ปิดประเทศปิดพื้นที่ต่างๆที่ระบาด ทำให้ภาคธุรกิจต้องปรับตัวกันอย่างโกลาหล สิ่งหนึ่งที่

เกิดขึ้นมาก็คือ “การทำงานที่บ้าน” Work from Home เพื่อไม่ต้องฝ่าผู้คนที่คับคั่งฝ่าเชื้อที่กระจายฟุ้งไปทำงานที่ออฟฟิศที่อยู่ห่างไกล

เมื่อสถานการณ์ระบาดเริ่มคลี่คลาย มาตรการการทำงานที่บ้านกลับกลายเป็นเรื่องปวดหัวของผู้บริหารบริษัทไม่น้อย พนักงานบางกลุ่มคุ้นเคยกับการทำงานที่บ้าน ไม่อยากกลับไปทำงานที่ออฟฟิศ แต่หลายกิจการต้องการให้พนักงานกลับไปทำงานที่ออฟฟิศเหมือนเดิม กิจการบางอย่างก็ทำงานที่บ้านไม่ได้ เช่น ธุรกิจสายการบิน การขนส่ง ฯลฯ

ในสหรัฐฯกลุ่มที่ต้องการให้พนักงานกลับไปทำงานที่ออฟฟิศมากที่สุดก็คือ สถาบันการเงิน ผู้บริหารแบงก์ยักษ์ เช่น โกลด์แมน แซคส์, มอร์แกน สแตนเลย์, แบงก์ ออฟ อเมริกา, เจพีมอร์แกน เชส ฯลฯ วิพากษ์วิจารณ์พวกที่ต้องการทำงานที่บ้านว่า รักสบายกันเกินไป ทีเดินทางออกไปกินข้าวกับเพื่อนฝูงได้ แต่เดินทางมาทำงานไม่ได้ ผู้บริหารธนาคารยักษ์ใหญ่สหรัฐฯเชื่อว่า การทำงานที่บ้านจะบั่นทอนประสิทธิภาพการทำงานของคนนั้นๆ งานส่วนใหญ่ของแบงก์จำเป็นต้องพบปะพูดคุยดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างความไว้วางใจระดับสูง ไม่ใช่แค่คุยหรือปรึกษาหารือทางออนไลน์อย่างเดียว

แต่ แบงก์ยุโรป มีความยืดหยุ่นมากกว่า เช่น ธนาคาร UBS มีแนวคิดให้ ทำงานแบบลูกผสม Hybrid Work คือ ทำงานที่บ้านที่ออฟฟิศสลับกัน เช่น ในหนึ่งสัปดาห์ให้ทำงานที่บ้าน 2 วัน ทำงานที่ออฟฟิศ 3 วัน แนวคิดของผู้บริหาร UBS เพื่อต้องการปรับภาพลักษณ์ของธนาคารให้ดูทันสมัยไฮเทคขึ้น จึงสนับสนุนให้ใช้เทคโนโลยีในการทำงานและสื่อสารกับลูกค้า

ในความเป็นจริง บ้านคือบ้านไม่ใช่สถานที่ทำงานของบริษัท บริษัทไฮเทคยักษ์ใหญ่ แอปเปิล ไมโครซอฟท์ กูเกิล ก็ให้พนักงานกลับไปทำงานที่ออฟฟิศ ผมก็ชอบการทำงานที่ออฟฟิศ ได้พบปะพูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน บ้านควรเป็นเรื่องส่วนตัว เรื่องครอบครัว การพักผ่อน ไม่ควรเป็นสถานที่ทำงานหรือโรงเรียน ท่านว่าจริงไหม.

“ลม เปลี่ยนทิศ”