22 กรกฎาคม ค.ศ.1969 ที่ประเทศสเปน มีการเสนอให้ควน การ์โลส จากราชวงศ์บูร์บง พระราชนัดดาในพระเจ้าอัลฟองโซที่ 13 สืบตำแหน่งประมุขของสเปน และได้รับอิสริยยศเป็นเจ้าชายแห่งสเปน เพราะเจ้าชายองค์นี้เคยทำหน้าที่ประมุขแห่งรัฐชั่วคราวในช่วงที่นายพลฟรังโกป่วยเมื่อ ค.ศ.1974 และ ค.ศ.1975 พอนายพลฟรังโกตาย เจ้าชายการ์โลสก็ได้รับการสถาปนาเป็นพระเจ้าควน การ์โลสที่ 1 ก็ตั้งแต่ปีนี้นั่นแหละครับ ที่สเปนเริ่มปฏิรูปประเทศตามแนวทางประชาธิปไตย
สมัยนายพลฟรังโกครองอำนาจ สเปนปกครองด้วยระบอบสาธารณรัฐที่ให้มีพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียว คือพรรคฟาลังเค มีนโยบายชาตินิยม ขยายจักรวรรดิ ต่อต้านคอมมิวนิสต์ และเชิดชู ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก นายพลฟรังโกเป็นทั้งหัวหน้าพรรค ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และประมุขของประเทศ แล้วก็นายพลฟรังโกคนนี้นี่แหละครับ ที่เป็นคนประกาศว่า เมื่อแกเสียชีวิตหรือเกษียณ แกก็ต้องการให้ระบอบกษัตริย์ที่ล้มหายตายจากไปแล้วฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ โดยให้สภาคอร์เตสเป็นหน่วยงานที่เลือกคนที่จะมาเป็นกษัตริย์
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศในยุโรปต่างย่ำแย่ แต่สเปนกลับดีและฟื้นเร็วกว่าพวก เพราะคนสเปนอพยพไปเป็นกรรมกรในหลายประเทศ ที่มีจำนวนมากเลยก็คือ สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนีตะวันตก และฝรั่งเศส คนงานสเปนใน 3 ประเทศนี่มีมากถึง 3 ล้านคน ส่งเงินกลับประเทศได้เป็นล่ำเป็นสัน ใครจะเชื่อละครับ ว่าระหว่าง ค.ศ.1960–1974 เศรษฐกิจของสเปนโตหลายสิบเปอร์เซ็นต์ต่อปี ในห้วงช่วงนี้นี่แหละครับ ที่สเปนเปลี่ยนจากประเทศเกษตรกรรมไปเป็นประเทศอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รายได้ของสเปนมาจากการผลิตสินค้าและให้การบริการ สเปนกลายเป็นประเทศท่องเที่ยวที่ดังมาก เพราะค่าใช้จ่ายที่นั่นไม่แพง อากาศก็ไม่หนาวจัด ผู้คนจากทวีปยุโรปประเทศอื่นและอเมริกาเหนือ แห่มาเที่ยวสเปนกันปีละหลายสิบล้านคน
...
เมื่อนายพลฟรังโกตาย สเปนก็จัดให้มีการเลือกตั้งเสรีเป็นครั้งแรก ได้ ส.ส. และ ส.ว.แล้ว ก็มีการร่างรัฐธรรมนูญกันใหม่ในรัฐธรรมนูญระบุให้สเปนเป็นประเทศสังคมนิยมประชาธิปไตย มีกษัตริย์ในระบบสืบสันตติวงศ์ปกครองภายใต้รัฐธรรมนูญ ให้กษัตริย์เป็นทั้งประมุข ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และประธานสภาป้องกันสูงสุด
สเปนเป็นประเทศเจ้าปัญหา เพราะมีประชาชนคนมากมายหลายเผ่าพันธุ์มาอยู่รวมกัน ภาษาราชการก็ตกลงกันไม่ได้ว่าจะเอาภาษาไหน สุดท้ายต้องใช้ถึง 4 ภาษา คือ กัสติเลียน กาตาลัน กัลเยโก (กาลิเชียน) และบาสก์ แต่ละภูมิภาคก็เก่าแก่มีความเป็นมาของตนเองที่ยาวนาน ต่างพยายามขอสิทธิการปกครองตนเองมาอย่างต่อเนื่อง
ผู้อ่านท่านที่ตามข่าวต่างประเทศคงจะทราบแล้วนะครับว่า เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา 80.7% ของประชาชนชาวกาตาลันไปออกเสียงใช้สิทธิลงประชามติเชิงสัญลักษณ์ ถ้าคิดเป็นคนก็คือ 1.6 ล้านคน ลงมติว่าต้องการให้แคว้นกาตาโลเนียเป็นรัฐเอกราชชาติใหม่
รัฐบาลสเปนต่อต้านการแยกตัวเป็นเอกราชชาติใหม่ของแคว้นกาตาโลเนียอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู เพราะรัฐนี้มีความมั่งคั่งสูง ความมั่งคั่งที่เกิดจากแคว้นกาตาโลเนียถูกนำไปหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจสเปนคิดเป็นสัดส่วนถึง 1 ใน 5 ผู้คนจากแคว้นนี้มีความเชื่อว่า ถ้าตัวเองแยกออกจากสเปนได้เมื่อไร ประเทศใหม่ของตนก็จะรุ่งพุ่งกระฉูดส่งตูดจัมโบ้ทันที ไม่ต้องเอาเงินที่ตัวเองหาได้ไปเลี้ยงผู้คนในดินแดนอื่นของสเปน
ที่จริงกฎหมายที่ให้สิทธิปกครองตนเองแก่กาตาโลเนียและบาสก์เคยผ่านการลงประชามติโดยได้รับเสียงหนุนท่วมท้นมาแล้วนะครับ แต่รัฐบาลกลางไม่เห็นชอบ เพราะถ้าให้พวกนี้ปกครองตนเองเขตอื่นก็จะเอาตาม อย่างอันดาลูเซียก็ทำประชามติแบบนี้ และรัฐบาลกลางก็ไม่ยอมเหมือนกัน เพราะถ้ายอมเมื่อใด พวกที่เหลือจะแยกเอกราชกันทุกรัฐทุกแคว้น
เมื่อรัฐบาลกลางไม่ยอม พวกหัวรุนแรงก็ตั้งองค์กรเพื่อการก่อการร้าย ก็อย่างที่ผู้อ่านท่านที่เคารพอาจจะเคยได้ยินนะครับ ETA หรือองค์การเพื่อบ้านเกิดและเสรีภาพของบาสก์ ที่เคยวางระเบิดจนนายกรัฐมนตรีของสเปนตายมาแล้ว ชื่อว่า พลเรือเอก ลูอิส การ์เรโร บลังโก
เรื่องของสเปนยังมีอะไรที่วุ่นวายอีกเยอะ ผมขออนุญาตนำมารับใช้ในโอกาสหน้าครับ.
คุณนิติ นวรัตน์