สลดใจชาวพุทธ พระครูเจ้าอาวาสวัดเมืองกรุงเก่าผูกคอมรณภาพคาศาลา ปฏิบัติธรรม เครียดหนักถูกโจรในคราบนักบุญหลอกจะเป็นเจ้าภาพทอดกฐิน ทำทีมาหาที่วัดเกือบทุกวัน หวังตีสนิท ก่อนเอ่ยปากขอยืมเงิน 6.5 แสนบาท สมภารหลงเชื่ออุตส่าห์ไปยืมชาวบ้านมาให้ สุดท้ายพอได้เงินแล้วหายเงียบ หมดทางออกเขียนจดหมายบรรยายพฤติกรรมมิจฉาชีพ ก่อนตัดใจผูกคอลาโลก ทำลูกศิษย์ลูกหาช็อกไปตามๆกัน ตำรวจจ่อเรียกสอบคนโกงเงินหลวงพ่อ
โจรคราบนักบุญหลอกจะมาทอดกฐินก่อนขอยืมเงินเจ้าอาวาสกว่า 6 แสนบาท แล้วหายเงียบจนเครียดหนักตัดสินใจผูกคอมรณภาพคาศาลาปฏิบัติธรรม เปิดเผยเมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 20 ต.ค. พ.ต.ต.ประชิด เสมาฤกษ์ สว. (สอบสวน) สภ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งพบศพเจ้าอาวาสวัดโบสถ์ (บน) ต.บ้านกระทุ่ม ผูกคอมรณภาพภายในกุฏิหลังเก่าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยแพทย์เวรโรงพยาบาลเสนา และหน่วยกู้ภัยสมาคมอยุธยารวมใจหน่วยกู้ภัยอยุธยา
ที่เกิดเหตุเป็นศาลาปฏิบัติธรรมและเป็นกุฏิหลังเก่าของเจ้าอาวาส ภายในห้องพบร่างพระครูวรวัฒน์เขมากร (ชัยวัฒน์ ตรีธนะ) อายุ 68 ปี เจ้าอาวาสวัดโบสถ์ (บน) ใช้รัดประคดคาดเอวผูกคอตัวเองกับลูกกรงเหล็ก เสียชีวิตลักษณะท่ายืน เจ้าหน้าที่ช่วยกันนำร่างลงมา ตรวจสอบไม่พบร่องรอยบาดแผลจากการถูกทำร้าย คาดว่าเสียชีวิตมาประมาณ 10-12 ชม. หลังชันสูตรศพเจ้าหน้าที่สมาคมอยุธยารวมใจหน่วยกู้ภัยอยุธยานำร่างพระครูวรวัฒน์เขมากรส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ผ่าพิสูจน์สาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้ง
ขณะเดียวกันตำรวจพบจดหมายเขียนด้วยลายมือพระครูวรวัฒน์เขมากรมีใจความว่า “เล็กกิมสวัสดิ์ โจรในเครื่องนักบุญ จองกฐินแล้วโกงเงินเจ้าอาวาส 650,000 บาท โดยบอกให้อาตมากู้ยืมเงินคนอื่น แล้วบอกไปให้ในวันที่เก็บเงินขายหวย เพราะเอาไปลงทุนขายลอตเตอรี่ อาตมาหลงเชื่อจึงไปกู้ยืมเงินโยมมาให้ 9 ราย แต่เมื่อถึงเวลานายเล็กผลัดเรื่อยมาตั้งแต่กันยายนและสุดท้ายตั้งแต่ 1 ตุลาคม-15 ตุลาคม ก็ไม่นำมาให้จนอาตมาสุดเหลือทนจนต้องทำสิ่งที่ไม่คาดคิด” ลงชื่อเจ้าอาวาสและเบอร์โทร.นายเล็กคู่กรณี
...
สอบสวนนายเสน่ เยี่ยมอำพร อายุ 48 ปี ลูกศิษย์หลวงพ่อและผู้พบศพคนแรกให้การว่า ช่วงเช้าเห็นรองเท้าหลวงพ่อถอดวางอยู่บริเวณทางขึ้นศาลาเอะใจว่าทำไมหลวงพ่อตื่นแต่เช้ามาที่ศาลาแห่งนี้ รีบเดินขึ้นไปดูแทบช็อกพบร่างหลวงพ่อใช้รัดประคดผูกคอกับลูกกรง จึงไปตามพระสงฆ์และชาวบ้านมาช่วยก่อนแจ้งตำรวจ ส่วนศาลาที่เกิดเหตุแต่ก่อนเป็นกุฏิเก่าของพระครูวรวัฒน์เขมากร แต่หลวงพ่อดัดแปลงทำเป็นศาลาสอนปฏิบัติธรรม
นางสุชาดา ตรีธนะ อายุ 69 ปี พี่สะใภ้พระครู วรวัฒน์เขมากรให้การว่า หลวงพ่อบวชอยู่ที่วัดแห่งนี้มาตั้งแต่ปี 38 ส่วนสาเหตุเบื้องต้นทราบว่ามีชายมาตีสนิทกับหลวงพ่อบอกว่าจะขอเป็นเจ้าภาพกฐินในวันที่ 27 ต.ค.ที่จะถึงนี้ และก่อนหน้านี้ประมาณ 1 เดือน ชายคนดังกล่าวมาหาหลวงพ่อเกือบทุกวันเพื่อตีสนิท สุดท้ายก็มาหลอกเงินหลวงพ่อไป 650,000 บาท หลังได้เงินก็ติดต่อไม่ได้อีกเลย ทำให้หลวงพ่อ เกิดความเครียด ตัดสินใจคิดสั้นดังกล่าว
นายสมควร ไกรเพิ่ม อายุ 69 ปี ช่างปูนปั้นให้การเพิ่มเติมว่า รู้จักกับหลวงพ่อมากว่า 20 ปี ท่านเป็นพระนักพัฒนาปรับปรุงวัดให้สวยงาม ญาติโยมให้ความเคารพนับถือ ก่อนหน้านี้มีชายวัยกลางคนขับรถยนต์แต่งตัวดีเข้ามาหาทำทีตีสนิทและขอเป็นเจ้าภาพกฐิน ตนเห็นพฤติกรรมดูแปลกๆ เคยเตือนหลวงพ่อว่าท่าทางไม่ค่อยน่าไว้ใจ รู้อีกทีว่าชายคนดังกล่าวยืมเงินหลวงพ่อไปถึง 650,000 บาท ก่อนเกิดเหตุเห็นหลวงพ่อมีอาการซึมเศร้าพูดว่าอยากตาย ไม่คิดว่าหลวงพ่อผูกคอตายจริงๆ ท่านคงเครียดเพราะเงินก้อนนั้นเป็นเงินที่ไปหยิบยืมมาจากชาวบ้าน ส่วนคนร้ายเท่าที่ทราบเป็นคน จ.สุพรรณบุรี อ้างเป็นผู้รับเหมา ขายลอตเตอรี่และฐานะร่ำรวย
อย่างไรก็ตาม ภายหลังเกิดเหตุเศร้าสลดภายในวัดโบสถ์ (บน) คณะกรรมการวัดได้ประชุมหารือถึงพิธีศพพระครูวรวัฒน์เขมากรมีกำหนดสวดพระอภิธรรมศพตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค. และฌาปนกิจวันที่ 30 ต.ค. ส่วนงานบุญทอดกฐินวันที่ 27 ต.ค. คณะกรรมการวัดและชาวบ้านพร้อมใจให้ดำเนินการตามเจตนารมณ์ของหลวงพ่อเหมือนเดิม
ด้าน พ.ต.ต.ประชิด เสมาฤกษ์ สว. (สอบสวน) สภ.เสนา เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำพยานแวดล้อมยืนยันว่าหลวงพ่อถูกคนโกงเงินไปจริง ตรงกับข้อมูลในจดหมายที่หลวงพ่อเขียนเอาไว้ เท่าที่ทราบผู้ที่ยืมเงินหลวงพ่อเป็นคนต่างถิ่นไม่ใช่คนพื้นที่ แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ขณะนี้ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างเร่งติดตามตัวมาสอบปากคำต่อไป
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่