สรุปว่าไม่รอด คดีชิงทองใจกลางเมืองอุดรธานี คนร้ายสวมแว่นสายตา ใส่แมสก์คล้ายเด็กเนิร์ด บุกเดี่ยวจี้ชิงทอง 2 เส้น น้ำหนัก 4 บาท นำเสื้อและปืนปลอมไปทิ้งสวนสาธารณะวังมัจฉาหนองบัว เป็นอดีตเชฟ ตกงาน บ้านอยู่ขอนแก่น ตร.ตามรวบคาคอนโดฯ ทองของกลางยังเหลือเส้นเดียว


กรณีมีคนร้ายเป็นชาย อายุประมาณ 25-30 ปี สวมแว่นสายตา สวมแมสก์ ใช้ปืนชิงสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท 2 เส้น มูลค่า 1.6 แสนบาท ก่อนร้านปิดเพียง 5 นาที หลบหนีไปถอดเสื้อและปืนปลอมทิ้งหนองน้ำสวนสาธารณะวังมัจฉาหนองบัว ห่างจากจุดเกิดเหตุเพียง 500 เมตร ก่อนจะเรียกรถแกร็บไปส่งที่นครชัยแอร์ ถนนทหาร เขตเทศบาลนครอุดรธานี และเข้าไปซื้อรองเท้าที่ร้านทุกอย่าง 20 บาท ไปเปลี่ยนและนำรองเท้าผ้าใบสีดำไปทิ้งในซอยทรงธรรม ถนนทหาร โดยภาพวงจรปิดเห็นใบหน้าชัดเจน เหตุเกิดเวลา 19.30 น. วันที่ 9 สิงหาคม 2567 ที่ร้านทองออโรร่า ในห้างโลตัส ศูนย์การค้ายูดีทาวน์ เขตเทศบาลนครอุดรธานี 


ล่าสุดเวลา 13.50 น. วันที่ 10 สิงหาคม 2567 พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า หลังได้ภาพจากกล้องวงจรปิดร้านทุกอย่าง 20 บาท ที่คนร้ายเดินเข้าไปซื้อรองเท้า ซึ่งคนร้ายไม่สวมแมสก์ปิดบังใบหน้า จึงถ่ายใบหน้าผู้ก่อเหตุส่งไปที่กองปราบ ให้ช่วยสแกนใบหน้าผู้ก่อเหตุด้วยระบบ AI จนทราบว่าคนร้ายชื่อว่า นายประพันธ์ ตองอ่อน อายุ 45 ปี ชาวสุโขทัย มีครอบครัวและอาศัยอยู่ที่ จ.ขอนแก่น จึงประสานตำรวจสืบสวนภาค 4 เข้าตรวจสอบ 


ต่อมา ตำรวจสามารถจับกุมนายประพันธ์ได้ที่คอนโดฯ แห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น พร้อมของกลางสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท 1 เส้น ส่วนสาเหตุจูงใจในการก่อเหตุในครั้งนี้ นายประพันธ์รับสารภาพว่า ตกงานมานานหลายปี เมื่อก่อนเป็นเชฟอยู่ประเทศสาธารณรัฐเช็ก แต่กลับมาในช่วงโควิด ขัดสน ต้องการเงินไปจุนเจือครอบครัว จึงตัดสินใจนั่งรถตู้จากขอนแก่นมาที่ จ.อุดรธานี ลงมือก่อเหตุชิงทอง โดยใช้ปืนเด็กเล่นของลูกชายมาก่อเหตุ ซึ่งตำรวจกำลังควบคุมตัวกลับมาสอบสวนที่ สภ.เมืองอุดรธานี และติดตามหาสร้อยคอทองคำอีก 1 เส้น  และแถลงข่าวจับกุมในวันพรุ่งนี้ 

...