หนุ่มอิสราเอลวัย 53 ร้องทุกข์กับทนายตั้ม ถูกทหารยศร้อยโทตีท้ายครัวแถมบุกร้านยิงปืนขู่ทำร้าย แจ้งความ สภ.สว่างแดนดิน ยังเจอล่ามแสบหลอกให้ยอมความ เพราะไม่รู้ภาษาไทย
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 6 ต.ค.2565 ที่สำนักงานทนายษิทรา (Sitrra Law Firm) อาคารเอ็มไพร์ สาทร นายรูดี้ บาฮาร์ ชาวอิสราเอล อายุ 53 ปี พร้อมบุตรสาวลูกครึ่งไทย-อิสราเอล เดินทางมาพบนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เพื่อขอความช่วยเหลือ กรณีถูกทหารนายหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนเหมือนจะสนิทแต่ไม่ใช่แฟนของภรรยาที่คบหามากว่า 20 ปี ใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่ และถูกล่ามเป็นเพื่อนภรรยาหลอกให้เซ็นยอมความ หลังไปแจ้งดำเนินคดีกับคู่กรณีไว้ที่ สภ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร เหตุเกิดช่วงเดือน ส.ค.2565 ที่ผ่านมา
นายษิทรา กล่าวว่า นายรูดี้ มาอาศัยอยู่ที่ไทยมาหลายปี และมีภรรยาเป็นคนไทยและมีลูกด้วยกัน 5 คน ชาย 3 คน หญิง 2 คน แต่นายรูดี้พูดได้แต่ภาษาฮีบรู และพูดภาษาไทยได้น้อยมาก ช่วงประมาณ วันที่ 6 ส.ค. นายรูดี้ ได้เปิดร้านขายกาแฟ ที่อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร ขณะที่นายรูดี้ อยู่ที่ร้านกาแฟ ได้มีทหารมาชอบพอกับภรรยาของนายรูดี้ เมื่อนายรูดี้เจอกับทหารคนดังกล่าวจึงได้ไล่ให้กลับไป จากนั้นทหารคนดังกล่าวได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่นายรูดี้ หลังเกิดเหตุจึงได้เดินทางไปแจ้งความแต่ปรากฏว่าเจอล่าม ซึ่งเป็นเพื่อนของภรรยาของนายรูดี้ กลับไปบอกกับตำรวจว่าไม่เอาเรื่อง เนื่องจากนายรูดี้ไม่เข้าใจภาษาไทย ซึ่งคดีนี้เป็นอาญาแผ่นดินทางตำรวจจะต้องดำเนินคดี
นางสาวบี (นามสมมติ) พนักงานในร้านคาเฟ่ กล่าวว่า วันเกิดเหตุเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม เวลาประมาณ 19.00 น. เป็นวันเปิดร้านใหม่ซึ่งมีนายรูดี้ อยู่ที่ร้าน ต่อมาทหารคนดังกล่าวได้มาแอบซุ่มดูอยู่ด้านนอก ได้มีพนักงานในร้านเห็น จึงไปบอกกับนายรูดี้ ต่อมานายรูดี้จึงได้เดินไปบอกให้ทหารยศร้อยโท คนดังกล่าวกลับไปเพราะที่นี่ไม่ใช่ที่ของคุณ ก่อนที่นายรูดี้จะไปส่งที่รถ ทางทหารคนดังกล่าวมากับเพื่อน อีก 1 คน ก็ชักอาวุธปืน ยิงลงที่พื้นจำนวน 4 นัด และยิงใส่นายรูดี้ 5 นัดซ้อนพร้อมกับพูดด้วยว่า ตายๆๆ แต่กระสุนไปถูกต้นยาง ทำให้ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ หลังเกิดเหตุมีตำรวจท้องที่ลงมาเก็บพยานหลักฐาน ส่วนทางนายรูดี้ก็ได้เดินทางไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.สว่างแดนดิน
...
นางสาวบี กล่าวอีกว่า ทหารคนดังกล่าวรู้จักกับภรรยาของนายรูดี้ประมาณ 3-4 ปีที่ผ่านมา พบกันตอนที่ทหารคนดังกล่าวเป็นผู้ดำเนินการเกี่ยวกับการซ่อมแซมถนนทางเข้าบ้านที่ จ.สกลนคร และมักจะมาหาภรรยาของนายรูดี้เป็นประจำทุกวัน
ขณะที่ ลูกสาวนายรู้ดี้ กล่าวว่า วันนี้ (6 ต.ค.) บิดาและตนในฐานะบุตรสาวคนที่ 3 จึงเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เนื่องจากทนพฤติกรรมของคู่กรณีบิดาไม่ไหว พร้อมเชื่อว่าสาเหตุหนึ่งที่ยังมาติดพันกับมารดาเพราะประสงค์เรื่องเงิน เนื่องจากในช่วงที่ทำร้านกาแฟ ทหารยศร้อยโทคนดังกล่าวเข้ามามีบทบาทช่วยดำเนินการหลายอย่างแทนมารดา โดยไว้ใจโอนเงินให้ซื้อข้าวของเข้าร้าน และยังเข้ามาทำหน้าที่เป็นคนดูแลร้านในช่วงที่บิดาไม่อยู่ อีกทั้งทางครอบครัวของคู่กรณี ซึ่งมีภรรยาเป็นครู และลูกเป็นทหาร ก็ทราบเรื่องดี แต่ทางเขาไม่กล้าเข้ามายุ่งเกี่ยวกับปัญหานี้ หลังเกิดเหตุบิดาได้พาลูกๆ ย้ายกลับมาอยู่บ้านที่พัทยา เนื่องจากเกรงความไม่ปลอดภัย และมีแนวคิดจะพาลูกๆ กลับไปอยู่ประเทศอิสราเอลในอนาคตด้วย
ส่วน ทนายษิทรา กล่าวว่า พฤติการณ์ของทหารยศร้อยโทรายนี้เข้าข่ายความผิดข้อหา พยายามฆ่าพกพาอาวุธปืน และบุกรุกยามวิกาล ส่วนพนักงานสอบสวนที่รับแจ้งความเข้า อาจเข้าข่ายความผิดมาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งจะนำเรื่องเข้าร้องต่อผู้บังคับบัญชาเพื่อเอาผิดทั้งทางวินัยและอาญา ส่วนล่ามแปลภาษาที่ทำให้เจ้าทุกข์เสียหาย อาจมีความผิดฐานแจ้งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยจะพาผู้เสียหายเข้าแจ้งความอีกครั้งในเร็วๆ นี้.