รู้จัก Palantir จากสตาร์ทอัพสุดลึกลับสู่ผู้นำ AI ด้านความมั่นคง ที่รัฐบาลสหรัฐฯ ไว้ใจ

Tech & Innovation

Tech Companies

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

รู้จัก Palantir จากสตาร์ทอัพสุดลึกลับสู่ผู้นำ AI ด้านความมั่นคง ที่รัฐบาลสหรัฐฯ ไว้ใจ

Date Time: 5 ก.พ. 2568 14:55 น.

Video

กลเม็ดแบบ Netflix ทำไมคู่แข่งเลียนแบบให้ตายยังไง ก็ไล่ไม่ทัน | Digital Frontiers

Summary

  • ทำความรู้จัก Palantir Technologies จากสตาร์ทอัพเทคโนโลยีผู้พัฒนาซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ที่เติบโตจากกองทุนของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา สู่บริษัทเทคโนโลยีในตลาด NYSE หนึ่งในยักษ์ใหญ่ที่กุมอำนาจและความลับของรัฐบาลในฐานะผู้พัฒนาเทคโนโลยีข่าวกรองและช่วยเหลือรัฐบาล และเมื่อไม่นานมานี้ก็ทำผลงานได้ดี รายได้เติบโตขึ้น มีผลมาจากการเติบโตของ AI

Latest


เมื่อไม่นานมานี้ มีหนึ่งบริษัทเทคโนโลยีที่เรียกได้ว่าถูกพูดถึงมากขึ้นต่อเนื่อง อีกทั้งยังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ชื่อของ “Palantir” ได้โดดเด่นขึ้นมาในตลาดเทคอีกครั้ง หลังจากประกาศผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2024 ทำเอาหุ้นของ Palantir พุ่งขึ้นสูงสุดถึง 22% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

โดยผลประกอบการของ Palantir เมื่อเทียบกับประมาณการของนักวิเคราะห์ที่สำรวจโดย LSEG พบว่า มีรายได้อยู่ที่ 828 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับที่คาดไว้ที่ 776 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

นอกจากผลประกอบการที่ดีกว่าคาดแล้ว Palantir ยังเผยแนวโน้มรายได้ที่สูงกว่าการคาดการณ์ โดยบริษัทคาดว่ารายได้จะอยู่ระหว่าง 858 - 862 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าประมาณการของ LSEG ที่ 799 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับทั้งปี 2024 ทาง Palantir ยังคาดการณ์ยอดขายไว้ที่ 3,740 - 3,760 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่คาดไว้ที่ 3,520 ล้านดอลลาร์สหรัฐอีกด้วย

รายได้ในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น 36% จาก 608.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และสำหรับภาพรวมทั้งปี พบว่า ยอดขายเติบโตขึ้นที่ 29% โดยรายได้จากภาคธุรกิจในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 64% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อยู่ที่ 214 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ขณะที่รายได้จากภาครัฐของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 45% เมื่อเทียบปีต่อปี อยู่ที่ 343 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ บริษัทคาดว่ารายได้จากภาคธุรกิจในสหรัฐฯ จะเติบโตอย่างน้อย 54% ไปแตะระดับ 1,080 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2025

Palantir คือบริษัทอะไร?

Palantir Technologies ก่อตั้งขึ้นในปี 2003 ในฐานะสตาร์ทอัพเทคโนโลยี โดยกลุ่มอดีตผู้ก่อตั้ง PayPal ได้แก่ Peter Thiel, Alex Karp, Joe Lonsdale, Stephen Cohen และ Nathan Gettings ซึ่งในช่วงแรกบริษัทได้รับเงินทุนสนับสนุนจากกองทุนของ CIA ที่ชื่อว่า In-Q-Tel โดยมีเป้าหมายที่จะออกแบบซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีเพื่อป้องกันการก่อการร้าย

ชื่อของ Palantir มีที่มาจากชื่อลูกแก้ววิเศษในนิยาย The Lord of the Rings ของ J.R.R. Tolkien ที่สามารถใช้มองเห็นเหตุการณ์ในระยะไกลหรือแม้แต่อนาคตได้ สะท้อนถึงความสามารถของบริษัทในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกนั่นเอง

Palantir ตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาและออกแบบซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูล ตลอดจนระบบบูรณาการข้อมูล ที่ช่วยให้องค์กรต่าง ๆ เข้าใจและจัดการกับข้อมูลขนาดใหญ่และซับซ้อนได้ โดยทางกลุ่มผู้ก่อตั้งมีความเชื่อที่ว่า “ข้อมูลมีพลังและอำนาจ จึงเห็นคุณค่าในการให้ข้อมูลเชิงลึกแก่หน่วยงานรัฐบาล สถาบันการเงิน และองค์กรอื่น ๆ”

ในช่วงปี 2000-2010 ทาง Palantir ยังคงเป็นสตาร์ทอัพที่มีความลับสูง ทำงานร่วมกับรัฐบาลสหรัฐฯ และกองทัพ ขณะเดียวกันก็ค่อย ๆ ขยายไปสู่ภาคเอกชน จนในปี 2020 ทาง Palantir ก็ได้ IPO เข้าตลาด NYSE หลังจากใช้เวลากว่า 17 ปีในการดำเนินธุรกิจ ปัจจุบัน Palantir มีมูลค่าตามตลาดอยู่ที่ 236,530 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

และแม้จะเติบโตเป็นบริษัทขนาดใหญ่แล้ว แต่ Palantir ยังคงรักษาแนวคิดแบบสตาร์ทอัพไว้ โดยเน้นไปที่นวัตกรรม AI, การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน

ชื่อของ Palantir แม้จะมีนานแล้ว แต่ล่าสุดเราจะเห็นว่าเริ่มมีความโดดเด่น ซึ่งหากย้อนกลับไปในช่วงปีที่ผ่านมา หุ้นของ Palantir โตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทาง Alex Karp ซีอีโอของ Palantir กล่าวว่า “ต้องให้เครดิตกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทเติบโต”

โมเดลธุรกิจสุดยูนีคของ Palantir

Palantir ในฐานะผู้พัฒนาซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูล ที่ถูกใช้งานโดยทั้งภาคธุรกิจและหน่วยงานภาครัฐในโลกตะวันตก มีการออกผลิตภัณฑ์มาหลายตัว แต่มี 2 ตัวหลัก ๆ อย่าง

  • Palantir Gotham: ใช้งานโดยรัฐบาลและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย เช่น ตำรวจ หน่วยข่าวกรอง และกระทรวงกลาโหม เพื่อในด้านข่าวกรองและความมั่นคงของชาติ
  • Palantir Foundry: ออกแบบมาเพื่อองค์กรภาคเอกชน ช่วยให้บริษัทต่าง ๆ จัดการและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สิ่งที่ทำให้ Palantir แตกต่างจากบริษัทซอฟต์แวร์ทั่วไปคือ Palantir จะส่งวิศวกรไปติดตั้งและดูแลการใช้งานซอฟต์แวร์ให้กับลูกค้าโดยตรง ซึ่งคล้ายกับโมเดลธุรกิจของบริษัทที่ปรึกษา (Consulting Firm) มากกว่าบริษัทซอฟต์แวร์แบบดั้งเดิม โดยที่ลูกค้ามีสิทธิ์ควบคุมข้อมูลของตนเอง 100% และ Palantir จะไม่แทรกแซงการใช้ข้อมูลของลูกค้าอย่างเด็ดขาด

สำหรับลูกค้าของ Palantir ตามที่กล่าวไปข้างต้น ส่วนใหญ่จะเป็นหน่วยงานรัฐ และรายใหญ่จากภาคเอกชน และหากดูตามเอกสารที่ยื่นต่อ SEC ในปีแรกที่เข้าตลาด Palantir มีลูกค้าเพียง 125 รายทั่วโลก รวมถึง กองทัพสหรัฐฯ และหน่วยงานรัฐบาล เช่น CIA, FBI, NSA, HHS (กระทรวงสาธารณสุขสหรัฐฯ) และ ICE (สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐฯ) โดยเฉพาะลูกค้ารายใหญ่ 3 รายแรกของบริษัทสามารถสร้างรายได้มากกว่า 1 ใน 3 ของรายได้รวมในปี 2019

ปัจจุบัน Palantir มีลูกค้ามากถึง 978 ราย ดำเนินงานในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งด้านการเงิน (Financial Services, Anti-Money Laundering), ยานยนต์ (Automotive & Mobility, Palantir HyperAuto), ค้าปลีก (Retail), เซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductors), โทรคมนาคม (Telecommunications), และพลังงาน (Energy, Utilities) และการบริหารจัดการข้อมูลและซัพพลายเชนอีกด้วย

และที่สำคัญ Palantir ยังปฏิเสธที่จะขายซอฟต์แวร์ให้กับรัฐบาลและองค์กรที่ไม่สอดคล้องกับค่านิยมของบริษัท โดยเคยปฏิเสธทำธุรกิจกับทางรัฐบาลซาอุดีอาระเบียและจีน

ที่มา: CNBC, Palantir, Forbes, CBMBS Capital Market

ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ