Shopee คว้ากำไรสองไตรมาสติด คนยังช็อปกระจายแม้จะขึ้นค่าธรรมเนียม ดัน SEA บริษัทแม่รับทรัพย์
Date Time: 15 พ.ย. 2567 13:29 น.
“Summary“
- SEA ยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีจากสิงคโปร์ หุ้นพุ่งขึ้นกว่า 20% ระหว่างซื้อขายทั่วไปเมื่อวันพุธที่ผ่านมาก่อนปิดที่ราคา 103.33 ดอลลาร์สหรัฐ แตะระดับสูงสุดในรอบกว่าสองปี หลังบริษัทประกาศงบไตรมาสสามปีนี้ที่ Shopee ธุรกิจอีคอมเมิร์ซของกลุ่มทำรายได้และกำไรดีเกินคาด โตต่อเนื่องสองไตรมาสติด พลิกขาดทุนสำเร็จในปีที่ผ่านมา ชี้คนยังช็อปกระจาย ยอดสั่งซื้อและจำนวนธุรกรรมโต แม้ค่าธรรมเนียมจะสูงขึ้น
ผลประกอบการไตรมาสสามปี 2024 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน SEA Group ทำรายได้รวมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4.3 พันล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 30.8% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน กำไรสุทธิอยู่ที่ 153.3 ล้านเหรียญ พลิกกลับจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งขาดทุน 144 ล้านเหรียญสหรัฐและถือเป็นกำไรไตรมาสที่สองติดต่อกัน ขณะที่ EBITDA ปรับแล้วทั้งหมดอยู่ที่ 521.3 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับ 35.3 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
โดยส่วนที่ทำเงินได้สูงสุด คือ Shopee ธุรกิจอีคอมเมิร์ซซึ่งคิดเป็นเกือบ 80% ของรายได้รวมทั้งหมด ไตรมาสนี้รายได้สุทธิเพิ่มขึ้น 41.2% เป็น 3.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากแรงหนุนของคำสั่งซื้อและมูลค่าธุรกรรมที่มากขึ้น ขณะที่กำไรหลังหักค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 34.4 ล้านเหรียญสหรัฐ
ยอดสั่งซื้อรวมในไตรมาสนี้อยู่ที่ 2.8 พันล้านรายการ เพิ่มขึ้น 24.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่มูลค่าของการทำธุรกรรมสินค้า (GMV) อยู่ที่ 25.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 25.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนโดย Core marketplace ยังคงทำเงินได้จากค่าธรรมเนียมตามธุรกรรม รายได้จากการโฆษณาและรายได้จากบริการเสริม เช่น โลจิสติกส์
“บริการทางการเงินหรือบัญชีสินเชื่อของ SeaMoney เติบโตขึ้นกว่า 70% เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่ยังคงรักษาอัตราส่วน NPL ไว้ได้อย่างมั่นคง และแพลตฟอร์มเกมอย่าง Garena ได้มีการคาดการณ์ว่าเกมยอดนิยมอย่าง Free Fire จะเติบโตขึ้นมากกว่า 30% เมื่อเทียบเป็นรายปี”
Forrest Li ประธานและซีอีโอ Sea Group กล่าวว่า "Shopee จะยังคงทำกำไรได้ต่อไปในอนาคต" พร้อมชี้ให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือด โดยที่ผ่านมา Shopee ปรับขึ้นค่าคอมมิชชั่นของผู้ค้าทั่วทั้งภูมิภาค ซึ่งกระตุ้นให้แพลตฟอร์มอื่นๆ ในภูมิภาคทำตาม
อย่างไรก็ตามได้พิสูจน์แล้วว่า Shopee ยังคงเพิ่มจำนวนธุรกรรมได้อย่างต่อเนื่องและยังคงครองอันดับหนึ่งในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้จะมีค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้น
นอกจากนี้ Shopee หลังจากที่ Shopee หันมาลงทุนการไลฟ์สตรีม ซึ่งเป็นฟีเจอร์ยอดนิยมของ TikTok ที่ผู้ค้าสามารถโปรโมตและขายสินค้าผ่านวิดีโอแบบเรียลไทม์ ได้เริ่มให้ผลตอบแทนแล้ว อีกทั้ง Shopee ยังคงมอบราคาที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าบนแพลตฟอร์ม ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่ทำให้ Shopee อยู่เหนือแพลตฟอร์มจีนบางราย เช่น Temu ซึ่งเปิดตัวในเวียดนามและไทยในปีนี้
อ้างอิงข้อมูล Reuters
บทความที่เกี่ยวข้อง
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -
Author
