สรุป "Apple Intelligence"  AI ใน iPhone 16 ที่จองปีนี้  แต่กว่าจะได้ใช้จริง อาจต้องรอถึงปีหน้า

Tech & Innovation

Tech Companies

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

สรุป "Apple Intelligence" AI ใน iPhone 16 ที่จองปีนี้ แต่กว่าจะได้ใช้จริง อาจต้องรอถึงปีหน้า

Date Time: 10 ก.ย. 2567 10:40 น.

Video

ล้วงลึกอาณาจักร “PCE” สู่บริษัทมหาชน ปาล์มครบวงจร | On The Rise

Summary

  • จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยกับ “It’s Glowtime” อีเวนต์เปิดตัวผลิตภัณฑ์ครั้งใหญ่ประจำปีที่หลายคนรอคอย เพราะไฮไลต์ครั้งนี้ เป็นไปตามคาด นั่นก็คือ การเปิดตัว “iPhone 16” ไอโฟนรุ่นใหม่ที่ถูกวางตัวไปเพื่อโปรเจกต์ Apple Intelligence โดยเฉพาะ ในครั้งนี้เราจึงได้เห็นขบวนทัพ ฟีเจอร์ AI ที่มาพร้อมกับ “A18” และ “A18 Pro” ชิปรุ่นใหม่ที่มีความพิเศษในด้านการรองรับโมเดล Generative AI ครั้งแรกของ Apple ขุมพลังขับเคลื่อน Apple Intelligence ที่เคลมว่า นี่คือชิปสำหรับสมาร์ทโฟนที่เร็วและแรงที่สุดในตอนนี้

Latest


Apple Intelligence ที่เปิดตัวครั้งแรกในงาน WWDC24

Apple Intelligence ที่จะเปิดให้ใช้งานทั้งใน iPhone,iPad,Macbook เปิดตัวมาในฐานะ "ผู้ช่วยอัจฉริยะส่วนตัว" เพราะเราพกอุปกรณ์เหล่านี้ติดตัวแทบจะตลอดเวลา โดย Apple Intelligence จะทรานส์ฟอร์มการใช้งาน iPhone แบบเดิม ๆ ให้อุปกรณ์ของเรากลายเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะส่วนตัวที่ชาญฉลาดมากยิ่งขึ้น ตอบสนองการใช้งานส่วนบุคคลแบบ “Personalized Intelligence System” สร้าง Personal Context ทั้งภาษา ข้อความ ภาพ และการเรียกใช้งานด้านอื่นๆ ที่รู้ใจมากยิ่งขึ้น 

 “ฟีเจอร์ AI”

ตามที่ได้ประกาศออกมาก่อนหน้านี้ว่า คุณสมบัติของ AI จะถูกผสานมาในแอปพลิเคชันต่าง ๆ ซึ่งช่วยให้เราปลดล็อกการใช้งาน ฟีเจอร์ต่างๆ ในอุปกรณ์ได้ดียิ่งขึ้น เช่น Writing Tools ช่วยเขียนข้อความประเภทต่าง ๆ หรือช่วยสรุปการแจ้งเตือนที่เด้งมาที่หน้าจอ รวมถึงอีเมลสำคัญๆ  เป็นต้น

“Better Siri”

ด้วยคุณสมบัติของ AI อัปเกรดความฉลาดให้กับ Siri ที่เข้าใจบริบทที่เฉพาะเจาะจงและเข้าใจภาษาได้ดีขึ้น โต้ตอบบทสนทนาที่เป็นธรรมชาติ เสมือนมนุษย์มากขึ้น จากงานเปิดตัวเราจะเห็นว่า Siri มาพร้อมฟังค์ชั่นที่ตอบคำถามและช่วยหาข้อมูลที่เราต้องการได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น

โดย Apple ได้ผสานรวม Siri เข้ากับแอปพลิเคชั่นอื่นๆ  เช่น Calendar, Mail, Notes, Safari, Files, Contacts, Voice Memos, Photos, Books, Freeform  Files รวมถึง AirPods ที่จะได้รับเรียกใช้งาน Siri เวอร์ชั่นอัปเกรด โดยผู้ใช้สามารถพยักหน้าหรือส่ายหัวเพื่อโต้ตอบกับ Siri ได้ 

Apple Intelligence ยังมีอีกหลายคุณสมบัติที่จะทยอยเปิดให้ใช้งานทั้งภายในปีนี้และในเดือนต่อๆ ไป อย่าง Image Playground ที่ให้ผู้ใช้สร้างรูปภาพสนุกๆ ได้อย่างรวดเร็ว หรือ Image Wand ที่จะทำให้โน้ตดูน่าสนใจยิ่งขึ้นโดยการเปลี่ยนภาพสเก็ตช์คร่าวๆ เป็นภาพที่สวยงาม การสร้าง Genmoji ในแบบที่ไม่ซ้ำใคร เพียงแค่พิมพ์คำอธิบาย  

Siri ที่มีความสามารถมาก เหมาะสมกับแต่ละคน อีกทั้งยังรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นบนหน้าจอ และทำสิ่งใหม่ๆ ได้หลายร้อยอย่างข้ามแอปฯ นอกจากนี้ผู้ใช้ยังมีตัวเลือกในการเข้าถึงการใช้งาน ChatGPT ของ OpenAI เพื่อค้นหาข้อมูลเชิงลึกได้ตามต้องการ โดยไม่ต้องสลับไปมาระหว่างเครื่องมือต่างๆ ได้อีกด้วย 

“Visual Intelligence”

การค้นหาข้อมูลด้วยภาพ ทำได้ง่าย ๆ ด้วยการแพลนกล้องไปที่สิ่งของหรือสถานที่ และกดปุ่ม Camera Control เพื่อค้นหาข้อมูล โดยระบบจะดึงข้อมูลสำคัญของสิ่งที่เราต้องการทราบขึ้นมาโดยทันที 

“Private Cloud Compute”

Apple Intelligence ได้รับการออกแบบมาเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ในทุกขั้นตอน เพราะหัวใจสำคัญของ Apple Intelligence คือการประมวลผลบนอุปกรณ์ และหลายๆ โมเดลที่ขับเคลื่อนการทำงานต่างก็ทำงานบนอุปกรณ์ทั้งหมด และหากต้องจัดการกับคำขอที่ซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งต้องใช้พลังการประมวลผลมากขึ้น

Private Cloud Compute ที่จะขยายขอบเขตความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของอุปกรณ์ Apple ไปยังระบบคลาวด์ นับเป็นการปฏิวัติครั้งสำคัญสำหรับระบบอัจฉริยะบนเซิร์ฟเวอร์ โดย Apple อ้างว่าการดำเนินของระบบการประมวลทั้งหมดช่วยให้สามารถให้ผู้ใช้รักษาความเป็นส่วนตัวผ่านอุปกรณ์ของตนเอง

โดยยืนยันว่าข้อมูลพื้นฐานที่จะนำไปประมวลผลจะไม่ถูกจัดเก็บหรือแชร์ให้กับ Apple โดยเด็ดขาด อีกทั้งจะดึงข้อมูลที่จำเป็นในการประมวลผลตามคำสั่ง เพื่อตอบโจทย์การเรียกใช้งานในขณะนั้นเท่านั้น นอกจากนี้ Apple จะขอความยินยอมผู้ใช้ทุกครั้งเมื่อเราเรียกใช้งาน AI อีกด้วย 

เปิดตัวชิป "A18" ขุมพลังใหม่ที่เร็วแรงประหยัดพลังงานกว่าเดิม 

งานนี้ Apple เปิดตัว A18 และ A18 Pro นวัตกรรมชิปซิลิคอนรุ่นล่าสุดที่สร้างขึ้นบนสถาปัตยกรรม 3 นาโนเมตรเจเนอเรชันที่สองที่พัฒนาขึ้นใหม่เพื่อรองรับการทำงานของ AI โดยเฉพาะ

"A18" ขับเคลื่อนด้วย CPU 6 CPU Core และ GPU 5 Core พร้อมด้วย 16-core Neural Engine ที่ประมวลผลเร็วและแรงกว่า iPhone 15 ที่ใช้ชิป A16 Bionic ถึงสองเท่า แต่กลับใช้พลังงานน้อยลงกว่าเดิมถึง 30%

ไฮไลต์ของ A18 คือการอัปเกรดแบนด์วิธหน่วยความจำเพิ่มขึ้น 17% เพื่อรองรับการจัดเก็บข้อมูลและการประมวลผลของโมเดลขนาดใหญ่อย่าง Generative Model เช่น LLM ที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด 

นอกจากนี้ยังปล่อยชิป "A18 Pro" สำหรับ iPhone 16 Pro Model ที่มี Next-gen ML รองรับการประมวลผลของ AI ที่แรงขึ้นกว่า A18  โดยอัปเกรดจาก A18 จาก GPU 5 Core เป็น GPU 6 Core เน้นรองรับการประมวลผลทางภาพและเสียง โดยเฉพาะการถ่ายภาพนิ่ง วิดีโอ และเกม ซึ่งมีประสิทธิภาพที่เร็วและแรงกว่า A17 Pro ถึง 20% และใช้พลังงานน้อยกว่า 20% โดยเคลมว่าเป็นชิปสำหรับสมาร์ทโฟนที่เร็วที่สุด

A18 และ A18 Pro ถูกออกแบบมาให้คำนึงเรื่องการประมวลที่ละเอียดมากยิ่งขึ้น โดย Apple โชว์ภาพประกอบของเมนบอร์ดที่ได้รับการปรับแต่งและโครงสร้างระบายความร้อนเพื่อให้สามารถระบายความร้อนเพื่อโชว์ถึงประสิทธิภาพกของแบตเตอรี่ที่ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะรุ่น Pro ที่เคลมว่า iPhone16 Pro Max จะมีแบตเตอรี่ที่มีอายุการใช้งานที่อึดที่สุดที่เคยมีมา นอกจากนี้ A18 ยังให้ประสิทธิภาพการเล่นเกมที่ต่อเนื่องสูงขึ้น 30% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า 

iPhone 16 เปิดตัวมาพร้อม 4 รุ่นย่อย โดยเตรียมเปิดให้จองล่วงหน้าในประเทศไทยทุกรุ่นวันที่ 13 กันยายนนี้ ตั้งแต่เวลา 19:00 น. และจะวางจำหน่ายจริงในวันที่ 20 กันยายน

  • iPhone 16 ราคาเริ่มต้น 29,900 บาท (128 GB)
  • iPhone 16 Plus ราคาเริ่มต้น 34,900 บาท (128 GB)
  • iPhone 16 Pro ราคาเริ่มต้น 39,900 บาท (128 GB)
  • iPhone 16 Pro Max ราคาเริ่มต้น 48,900 บาท (256 GB)

นอกเหนือจากคุณสมบัติ Apple Intelligence ไฮไลต์ของตระกูล iPhone 16 ยังมีเรื่องของ ตัวเครื่องที่มีการปรับโฉมใหม่ที่มาพร้อมกับหน้าจอมากับ Ceramic Shield แข็งแกร่งกว่าเจเนอเรชั่นแรกถึง 50%

ปุ่มควบคุมกล้องที่เป็นการอัปเดตทางกายภาพครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปีของกลุ่มผลิตภัณฑ์ iPhone โดยปุ่ม "Camera Control" สำหรับควบคุมกล้องที่ทำให้มีวิธีใหม่ๆ ในการโต้ตอบกับระบบกล้องสุดล้ำ ไม่ว่าจะซูม สลับเลนส์ และใช้ตัวเลือกอื่นๆ ด้วยการตอบสนองแบบสัมผัส ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้ถ่ายภาพเพื่อบันทึกความทรงจำได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย

คนไทยรอไปก่อน อาจได้ใช้จริงปีหน้า 

ทั้งนี้ Apple Intelligence จะพร้อมให้ใช้งานในรูปแบบของการอัปเดตซอฟต์แวร์ฟรี และคุณสมบัติชุดแรกของ Apple Intelligence จะพร้อมให้ใช้งานในรุ่นเบต้าแบบ U.S. English ในสหรัฐอเมริกาเดือนหน้า โดยเป็นส่วนหนึ่งของ iOS 18.1, iPadOS 18.1 และ macOS Sequoia 15.1

ขณะที่อีกหลายคุณสมบัติจะพร้อมให้ใช้งานในเดือนต่อๆ ไป และจะสามารถใช้งานได้บน iPhone 16, iPhone 16 Plus, iPhone 16 Pro, iPhone 16 Pro Max, iPhone 15 Pro, iPhone 15 Pro Max รวมถึง iPad และ Mac พร้อมชิป M1 หรือใหม่กว่าที่ตั้งค่าภาษาของ Siri เป็นภาษาอังกฤษแบบ U.S. English

โดยจะทยอยเปิดให้ใช้เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษสำหรับบางประเทศในเดือนธันวาคมนี้ เช่น ออสเตรเลีย แคนาดา นิวซีแลนด์ อังกฤษ และแอฟริกาใต้ ก่อนที่จะขยายสู่ภาษาอื่น ๆ เพิ่มเติมในปี 2025 เป็นต้นไป เช่น จีน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และสเปน สำหรับประเทศไทย คาดว่าต้องรอไปก่อนเช่นเดียวกัน

บทความที่เกี่ยวข้อง 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -   


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์