Grab ผู้ให้บริการเรียกรถและสั่งอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สัญชาติสิงคโปร์ เผยตัวเลขผลประกอบการไตรมาสสองที่สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2024 ทำรายได้รวมที่ 664 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 17% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน ซึ่งต่ำกว่าไว้โดยเฉลี่ยที่ 676.9 ล้านดอลลาร์ตามข้อมูลของ LSEG
โดยไตรมาสนี้ On-Demand GMV เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบเป็นรายปี จากยอดผู้ใช้เฉลี่ยต่อเดือน (MTU) ที่เพิ่มขึ้น 26% แตะอันดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 41 ล้านบัญชี ขณะที่ EBITDA กำไรจากการดำเนินงานของบริษัทก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายที่ปรับแล้วอยู่ที่ 64 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวในปีก่อนที่ 17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยยอดขาดทุนสุทธิไตรมาสที่สองลดลงเหลือ 56 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก 176 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อปีก่อน
บทความที่เกี่ยวข้อง
สำหรับไตรมาสนี้ รายได้จากบริการจัดส่งอาหาร (Delivery) ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจที่ขับเคลื่อนรายได้หลักอยู่ที่ 356 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโต 11% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยมีแรงกระตุ้นหลักจากการบริการจัดส่งสินค้าจากร้านขายของชำ Jaya และธุรกิจโฆษณาบนแพลตฟอร์ม ด้านรายได้จากบริการเรียกรถ (Ride-Haling) เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบเป็นรายปีอยู่ที่ 247 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่รายได้จากบริการทางการเงินทำเงิน (GrabFin และ DigiBank) 60 ล้านดอลลสาร์สหรัฐ เติบโต 54% เมื่อเทียบเป็นรายปี
ทั้งนี้ Grab รายงานว่า บริษัทได้รับผลกระทบจากอัตราการแลกเปลี่ยนที่ผันผวน สืบเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจผันผวน ทำให้สกุลเงินของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในช่วงที่ผ่านมา ทำให้บริษัทได้รับผลกระทบมากกว่า 5% ทั้งในด้านรายได้และมูลค่าสินค้ารวม (GMV) นอกเหนือจากความเสี่ยงเดิมของการเติบโตที่ชะลอตัวในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหลังจากสถานการณ์โควิดคลี่คลาย
ช่วงที่ผ่านมา Grab เลย์ออฟบุคลากร และพยายามลดต้นทุนอย่างหนักเพื่อมุ่งเน้นไปที่การทำกำไร หลังจากทุ่มเงินมหาศาลในการรักษายอดผู้ใช้เพื่อรักษาส่วนแบ่งในตลาด
ขณะเดียวกันที่ไตรมาสนี้พบว่า ลูกค้าในภูมิภาคมีการลดค่าใช้จ่ายเพื่อรับมือกับเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ทำให้ปริมาณการใช้บริการชะลอตัวลงตามลำดับ โดยหลังประกาศงบไตรมาสนี้ หุ้นปรับลดลง 5.5% ก่อนเวลาทำการซื้อขายทั่วไป อย่างไรก็ตามหุ้นของ Grab ยังคงทรงตัวในปีนี้ เนื่องจากผลประกอบการนับว่ามีทิศทางเป็นบวกหากเทียบกับคู่แข่งหลักในภูมิภาค
Peter Oey ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ Grab กล่าวว่า บริษัทได้คาดการณ์รายได้ทั้งปีที่ 2.70-2.75 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และ EBITDA ที่ปรับแล้วที่ 250-270 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ยังคาดการณ์ว่าบริษัทจะมีการเติบโตของรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้นในปีต่อๆ ไปหลังจากปี 2024 จากการบริหารต้นทุนที่ต่อเนื่อง พร้อมกับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่จะสามารถดึงดูดผู้ใช้ให้เข้ามาที่แพลตฟอร์มมากขึ้น
อ้างอิง Grab , DealstreetAsia
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
https://www.facebook.com/ThairathMoney