ในฐานะที่วันที่ 8 มีนาคมของทุกปีคือ 'วันสตรีสากล' International Women's Day วันแห่งการเฉลิมฉลองและแสดงพลังเพื่อตระหนักถึงบทบาทของผู้หญิงในสังคม และเพื่อส่งสารว่าไม่ว่าเพศใดก็ล้วนมีศักยภาพที่สามารถทำให้ทุกเป้าหมายหรือทุกความเป็นไปได้เกิดขึ้นได้จริง
เชอริล แซนด์เบิร์ก เธอคืออดีตประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (COO) Facebook หรือ Meta ในปัจจุบัน
เธอสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท สาขาบริหารธุรกิจจาก Harvard Business School และปริญญาตรีจาก Harvard University จากนั้นเริ่มงานเป็นที่ปรึกษาด้านการจัดการให้กับ McKinsey & Company จากนั้นเข้ารับตำแหน่งผู้ช่วยวิจัยและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ของ Lawrence Summers รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐอเมริกาภายใต้ประธานาธิบดี Bill Clinton โดยมีบทบาทช่วยเหลือกระทรวงการคลังในการปลดหนี้ในประเทศกำลังพัฒนาในช่วงวิกฤติการเงินเอเชีย ก่อนจะมาเป็นรองประธานฝ่ายการขายออนไลน์ของผลิตภัณฑ์ Advertising and Publishing ของ Google และเข้ารับตำแหน่ง COO ของ Facebook ในปี 2008
ได้รับเลือกให้เป็นคณะกรรมการที่เป็นผู้หญิงคนแรกของ Facebook และยังขึ้นแท่นผู้บริหารอันดับสองที่มีอำนาจสูงสุดรองจาก Mark Zuckerberg เรียกได้ว่าเป็น 'มือขวา' ของเขาเลยก็ว่าได้
เธอยังเป็นผู้ก่อตั้งคอมมูนิตี้ LeanIn.Org องค์กรไม่แสวงผลกำไรที่เน้นสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของผู้หญิง และเขียนหนังสือชื่อดังอย่าง "Lean In: Women, Work, and the Will to Lead" (2013) และ "Option B: Facing Adversity, Building Resilience, and Finding Joy" (2017)
เธอจบการศึกษาด้านวิศวกรรมไฟฟ้าจาก MIT ในระดับปริญญาตรี-เอก
จากนั้นเข้าทำงานกับ Texas Instruments ดูแลการพัฒนาชิป ก่อนมาอยู่กับ IBM ในตำแหน่งรองประธานศูนย์วิจัยและพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์ และมีส่วนช่วยในการพัฒนาชิปของ IBM ให้มีการนำไฟฟ้าที่ดีขึ้นและมีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น
ในปี 2014 เธอมีบทบาทสำคัญ คือ การกู้วิกฤติให้ AMD กลับขึ้นมาผงาดอีกครั้ง โดยในช่วงที่เธอเริ่มเข้ามาทำงาน ขณะนั้น AMD ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องอย่างหนักทั้งยังต้องต่อสู้กับคู่แข่งอย่าง Intel ซึ่งหลังจากที่เธอเข้ารับตำแหน่งซีอีโอ ก็ได้วางกลยุทธ์เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับผลิตภัณฑ์และขยายกลุ่มลูกค้า ซึ่งรวมไปถึงการเป็นผู้ผลิตชิปสำหรับเครื่อง Xbox ของ Microsoft และ PlayStation ของ Sony
เธอสำเร็จการศึกษาด้านวิศวกรรมเครื่องกลที่ Thayer School of Engineering Dartmouth ก่อนย้ายไปสหรัฐฯ เพื่อศึกษาต่อระดับปริญญาโทด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ที่ Stanford University
ก่อนมาร่วมงานกับ Tesla ในปี 2013 รับผิดชอบการพัฒนา Self-driving car และมีส่วนช่วยพัฒนา Tesla Model X ก่อนลาออกมาร่วมงานกับ Magic Leap บริษัทพัฒนาแว่น VR เป็นเวลาสั้นๆ
เธอติดอันดับ The Australian Financial Review Rich List ในปี 2020 และได้ประเมินมูลค่าสุทธิของเธอ ที่ 1.318 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ขึ้นแท่นชาวออสเตรเลียที่ร่ำรวยที่สุด
สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาเศรษฐศาสตร์จาก Hanoi Foreign Trade University และปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจ (MBA) จาก International University of Japan และ Harvard Kennedy School และยังผ่านการรับรองจาก Chartered Financial Analyst (CFA)
เธอสร้างระบบนิเวศการใช้และผลิตรถ EV และอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งหมดของเวียดนาม ขับเคลื่อนการเติบโตอย่างรวดเร็วของ VinFast โดยเฉพาะการขยายกิจการเพื่อทำตลาดในต่างประเทศอย่างสหรัฐอเมริกา ทำให้ EV เวียดนามกลายเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาดโลก