รายรับต่อปีของ OpenAI สูงถึง 1.6 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 5.5 หมื่นล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2566 เพิ่มขึ้น 23% จากเดือนตุลาคมที่ผ่านมา 1.3 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาท สืบเนื่องจากความต้องการการใช้งาน ChatGPT ที่ยังคงเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
The Information ระบุถึงความสามารถในการรักษาโมเมนตัมผู้นำทางธุรกิจ โดยตัวเลขที่เพิ่มขึ้นหลักๆ มาจากยอดขายแชตบอต ChatGPT โมเดล Generative AI ประมวลภาษาขนาดใหญ่ให้กับองค์กรต่างๆ โดยอ้างอิงจากแหล่งข่าวที่รับทราบข้อมูลตัวเลขของผลดำเนินการ
แม้จะต้องเผชิญสูญเสียงบประมาณ 540 ล้านดอลลาร์ในปี 2565 ระหว่างการพัฒนา GPT-4 แต่ OpenAI สามารถพลิกยอดขายกลับมาได้ โดยยอดขายที่เติบโตอย่างรวดเร็วของ OpenAI เพิ่มขึ้นหลังจากเปิดตัว ChatGPT for Enterprise และบริการแบบเรียกเก็บเงิน ChatGPT Plus ในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในหมู่นักพัฒนาและองค์กรธุรกิจ ซึ่งมีแนวโน้มที่เริ่มนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้มากขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้โมเมนตัมการขายผลิตภัณฑ์ Generativa AI คาดว่าจะดำเนินต่อไปในปี 2567
OpenAI วางแผนสร้างแหล่งรายได้เพิ่มเติมและการเปิดตัวบริการใหม่ๆ เพื่อรักษาการเติบโตของยอดขาย ซึ่งเราอาจจะเห็นผลิตภัณฑ์หรือฟีเจอร์ใหม่ๆ หลังจากนี้เป็นที่แน่นอน ตามที่ Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI เปิดเผยว่าบริษัทกำลังพัฒนา GPT-5 อยู่ในขณะนี้
นอกจากนี้ยังน่าจับตาต่อไปเพราะ OpenAI ยังอยู่ในช่วงระดมทุนรอบใหม่ ซึ่งบริษัทยังตั้งเป้าหมายว่าจะปิดการระดมทุนรอบนี้ที่อาจทำให้บริษัทมีมูลค่าทะลุ 100,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3.42 ล้านล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 2 มกราคม 2567) ซึ่งหากการระดมทุนรอบนี้เป็นไปตามแผนที่วางไว้จะทำให้ OpenAI กลายเป็นหนึ่งในสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก โดยจะเป็นอันดับสองรองจากแค่ Space X ของ Elon Musk เท่านั้น และจะยิ่งทำให้สถานะของบริษัทแข็งแกร่งยิ่งขึ้นในฐานะผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรม AI
การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่ง พร้อมด้วยดีมานด์ความต้องการจากฐานลูกค้าที่กระจายอยู่ทั่วโลก ทำให้ OpenAI มีการเติบโตของรายได้ที่น่าประทับใจ และคาดว่าจะสามารถช่วยให้บริษัทได้รับการประเมินมูลค่าธุรกิจที่สูงขึ้นจากนักลงทุนในการระดมทุนครั้งใหม่ในปีหน้านี้ด้วยเช่นกัน
อ้างอิง Information