Klook ระดมเงินรอบใหม่ 7.4 พันล้านโดยมีกรุงศรีและกสิกรไทยร่วมลงทุน ประกาศทำกำไรครั้งแรก

Tech & Innovation

Tech Companies

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

Klook ระดมเงินรอบใหม่ 7.4 พันล้านโดยมีกรุงศรีและกสิกรไทยร่วมลงทุน ประกาศทำกำไรครั้งแรก

Date Time: 14 ธ.ค. 2566 13:08 น.

Video

แก้เกมหุ้นไทยตกต่ำ ประธานตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดแผนฟื้นความเชื่อมั่น | Money Issue

Summary

  • Klook รับเงินระดมทุนรอบล่าสุด 7.4 พันล้านบาท นำโดยนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงสถาบันการเงินไทย กรุงศรี ฟินโนเวต และกสิกรแบงก์ ตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดในภูมิภาค ก้าวเข้าสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมประกาศผลกำไรครั้งแรก ด้วยยอดขายที่เติบโตขึ้น 3 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้าโควิด

Latest


Klook ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มจองกิจกรรมและการท่องเที่ยว บรรลุข้อตกลงด้านเงินลงทุนรอบล่าสุด ด้วยมูลค่า 210 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 7.4 พันล้านบาท เสริมแกร่งเทคโนโลยี เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ รองรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฟื้นตัวทั่วโลก

ตอกย้ำการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงสำหรับการท่องเที่ยวยุคใหม่

ทิศทางของบริษัทหลังจากนี้ จะมุ่งเน้นที่การเพิ่มความแข็งแกร่งของแบรนด์ และให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ app-first เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่ใช้งาน Klook ผ่านแอปพลิเคชัน และจะให้ความสำคัญกับการเสริมรากฐานความแข็งแกร่งของธุรกิจ เพื่อนำไปสู่การเติบโตทางรายได้และกำไร รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพของรายได้ของธุรกิจต่อจำนวนพนักงานในองค์กร (revenue per headcount) ให้สูงขึ้น 3 เท่า 

โดยการระดมทุนรอบนี้ นำโดย Bessemer Venture Partners พร้อมกับการร่วมทุนจาก BPEA EQT กองทุนการลงทุนในเอเชีย Atinum Investment และ Golden Vision Capital, บริษัทลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ SMIC SG Holdings รวมถึงสถาบันการเงินไทย ได้แก่ กรุงศรี ฟินโนเวต บริษัทในเครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และกสิกรแบงก์ โดยการระดมทุนรอบนี้ยังรวมถึงบริการวิเทศธนกิจจาก Cit, J.P. Morgan และ HSBC เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการเติบโตของบริษัท 

ทั้งนี้ Klook จะดำเนินการจัดสรรเงินทุนที่ระดมได้ในรอบล่าสุดนี้ไปใน 3 แนวทาง แนวทางแรก ได้แก่ นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ โดยจะพัฒนาและออกแบบ City Pass ให้ครอบคลุมความต้องการของนักท่องเที่ยว และทำให้นักท่องเที่ยวสะดวกและประหยัดมากขึ้น แนวทางที่สอง คือ ยกระดับโซเชียลและดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งผ่านโปรแกรม Klook Kreator เพื่อส่งเสริมให้เกิดการสร้างสรรค์เนื้อหาจากผู้ใช้งานจริง แนวทางที่สาม คือ นำนวัตกรรมเกี่ยวกับ AI มาใช้งานอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดทางบริษัทฯ ยังได้ร่วมมือกับ Google Cloud เพื่อพัฒนาระบบปฏิบัติการ AI นำมาใช้บนแพลตฟอร์ม ตั้งแต่การแปลอัตโนมัติ, การสร้างคอนเทนต์, การให้บริการลูกค้าผ่าน chatbot 

รวมถึงวางแผนที่จะร่วมมือกับนักลงทุนใหม่ในระดับภูมิภาค เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด และส่งเสริมให้บริษัทเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง มุ่งเป้าที่การเจาะกลุ่มชนชั้นกลางที่เติบโตอย่างรวดเร็วในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


อีธาน ลิน ประธานบริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Klook เปิดเผยว่า ความสำเร็จในครั้งนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของทีมงานทุกคน ที่ช่วยกันสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับการท่องเที่ยวยุคหลังการแพร่ระบาดของโควิด 

ปี พ.ศ. 2566 นับเป็นปีที่หลายประเทศในแถบทวีปเอเชีย มุ่งหน้าสู่การฟื้นตัวด้านการท่องเที่ยว ทั้งในเชิงของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น และการฟื้นตัวของสายการบิน  สำหรับปีนี้นับเป็นปีที่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจอย่างงดงามของ Klook ที่มีการเติบโตในปีนี้สูงกว่าปี พ.ศ. 2562 ถึง 3 เท่า มียอดการจองมูลค่าถึง 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ และยังประกาศว่าบริษัทสามารถสร้างผลกำไรได้เป็นครั้งแรก

โดยปัจจุบันพบว่ายอดการจองมากกว่า 80% เกิดขึ้นบนมือถือ นอกเหนือไปจากนั้น อีกหนึ่งความสำเร็จคือลูกค้าใหม่ในปี พ.ศ. 2566 มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นถึง 2 เท่า เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2562 ในขณะที่ลูกค้าปัจจุบันก็มียอดการกลับมาใช้บริการซ้ำในอัตราสูง โดยยอดการจองซ้ำของลูกค้ามีมากกว่าครึ่งของจำนวนการจองทั้งหมด 

ในขณะที่ประเทศแถบเอเชียกำลังฟื้นตัวจากโควิด เราได้เห็นอีเวนต์ระดับโลกมากมายที่กำลังจะเกิดขึ้น อาทิ Paris Olympics 2024 และ Osaka World Expo 2025 เมื่อพิจารณาปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ ร่วมกับการเห็นเทรนด์การเติบโตของการใช้จ่ายที่มากขึ้น และการนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในชีวิตประจำวัน ทำให้เราเห็นว่าสภาพเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของเอเชียกำลังดำเนินไปในทิศทางบวก

นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลกจะเติบโตสูงขึ้นถึง 15.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ในปี พ.ศ. 2576 โดยภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะเป็นผู้นำในการเติบโตครั้งนี้ โดยมีอัตราการเจริญเติบโตประจำปี (CAGR) ที่ 11% (ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2566-2571) ซึ่งอัตราการเติบโตของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนี้สูงเกือบสองเท่าเมื่อเทียบกับการเติบโตในทวีปอเมริกาเหนือและยุโรป 

ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกถูกคาดการณ์ว่าจะสามารถได้ส่วนแบ่งทางการตลาดขนาดใหญ่จากการท่องเที่ยวทั่วโลก ซึ่งปัจจัยมาจากการขับเคลื่อนโดยกลุ่มชนชั้นกลาง, การใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้น และเทรนด์ความสนใจที่เพิ่มขึ้นต่อประสบการณ์การท่องเที่ยวที่แตกต่างหลากหลาย 

Klook จะให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นในกลุ่มลูกค้าเอเชีย และในขณะเดียวกันก็พร้อมนำเสนอประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ดีที่สุดของเอเชียให้กับนักท่องเที่ยวต่างภูมิภาคที่เดินทางเข้ามา 

เอริค น็อก ฟาห์ ประธานเจ้าหน้าที่ ฝ่ายปฏิบัติการและผู้ร่วมก่อตั้ง Klook กล่าวว่า Klook พร้อมตอบโจทย์ความต้องการของนักเดินทางรุ่นใหม่ ที่มีความชำนาญในการใช้เทคโนโลยี และมีความกระตือรือร้นที่จะค้นหาและทดลองกิจกรรมที่แตกต่างหลากหลาย โดยจุดมุ่งหมายของเรา คือ การทำให้นักท่องเที่ยวสามารถสำรวจโลกได้อย่างง่ายดายผ่าน Klook แพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงนักท่องเที่ยวสู่จุดหมายปลายทาง สู่ประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ลึกซึ้ง และสู่การเดินทางที่สะดวกสบาย


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ