ปีแห่งการทุ่มทุนพัฒนา Digital Infrastructure AWS ยังครองแชมป์ตลาดคลาวด์

อัปเดตสัดส่วนในตลาดของผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ทั่วโลกไตรมาสนี้ AWS (Amazon Web Service) อยู่ที่ 32% แม้จะลดลงจาก 34% ในปีที่แล้ว แต่ยังคงรักษาตำแหน่ง ‘ผู้นำตลาดคลาวด์เซอร์วิส’ โดยมีคู่แข่งหลัก คือ Microsoft และ Google ซึ่งทั้งคู่มีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 23% และ 10% ตามลำดับ โดยรวมแล้วทั้งสามเจ้าใหญ่ Amazon, Microsoft และ Google คิดเป็นเกือบ 2 ใน 3 ของรายได้จากโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ในไตรมาสที่ผ่านมา กินสัดส่วนเกือบ 70% ของตลาดทั่วโลก 

ผู้ให้บริการคลาวด์ 5 อันดับแรก 

• AWS (Amazon Web Service) สัดส่วนตลาด 32% 
• Microsoft Azure  สัดส่วนตลาด  22% 
• Google Cloud สัดส่วนตลาด  11 % 
• Alibaba Cloud สัดส่วนตลาด  4% 
• IBM Cloud สัดส่วนตลาด  3% 

Synergy Research Group ระบุว่า ไตรมาสแรกของปี 2566 มีการใช้จ่ายด้านบริการโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ทั่วโลกอยู่ที่ 6.37 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว โดยมีการคาดการณ์อีก 12 เดือนข้างหน้าจะมีงบลงทุนเพิ่มถึง 2.47 แสนล้านดอลลาร์เลยทีเดียว  

แม้ช่วงปี 65 ธุรกิจคลาวด์พบกับการชะลอตัวขององค์กรธุรกิจ ซึ่งจะเห็นว่าเป็นหนึ่งในความท้าทายในระยะสั้น เพียงครึ่งปีแรกของปีนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าตลาดยังคงขยายตัวในอัตราที่ดี ในบรรดาผู้ให้บริการระบบคลาวด์รายใหญ่ที่สุดที่แข่งขันกันอย่างดุเดือดอย่าง Microsoft และ Google ต่างมีตัวเลขการเติบโตที่แข็งแกร่งมากขึ้นเมื่อเทียบเป็นรายปี

ซึ่งช่วงต้นปีที่ผ่านมา Microsoft คือผู้ที่มี Performance ดีที่สุดหลังการเปิดตัว ChatGPT และสนับสนุน OpenAI ตามที่เราเห็นกันว่า Microsoft ปล่อยของโปรดักต์ซอฟต์แวร์มหากาพย์ออกมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ในบรรดาผู้ให้บริการคลาวด์ระดับสองที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดเมื่อเทียบรายปี ได้แก่ Oracle, Snowflake, MongoDB, VMware, Huawei และ China Telecom

พื้นฐานของการนำคลาวด์ไปใช้ยังคงขับเคลื่อนตลาดไปสู่ระดับที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกภูมิภาคของโลก พร้อมแรงขับหลักจากภาคธุรกิจที่นำเทคโนโลยี AI เชิงสร้างสรรค์ การประมวลเชิงอัตโนมัติรูปแบบต่างๆ มาใช้เสริมประสิทธิภาพงาน ซึ่งต้องมีการรองรับบริการด้านคลาวด์รวมถึงดาต้าเซ็นเตอร์ โดยเฉพาะฝั่งเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ อินเดีย จีน ออสเตรเลีย และเกาหลีใต้ เติบโตมากกว่า 20% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง 

อ้างอิง Synergy Reserch Group