ทุกวันนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักแพลตฟอร์มวิดีโอชื่อดังอย่าง TikTok ที่ไม่ว่าใครจะทำอะไรก็สามารถเป็นไวรัลได้เพียงชั่วพริบตา แอปฯ ยอดฮิตนี้มีบริษัท Bytedance เป็นบริษัทแม่ โดยรายได้ต่อปีส่วนใหญ่ประมาณ 8 หมื่นล้านดอลลาร์ (หรือประมาณ 2.78 ล้านล้านบาท) ล้วนมาจากโฆษณา
แต่เมื่อปีที่แล้ว ByteDance เริ่มรุกตลาดเดลิเวอรี โดยเปิดให้บริการขนส่งอาหารและของใช้ในพื้นที่เมืองใหญ่ เช่น เซี่ยงไฮ้ และปักกิ่ง ที่สามารถใช้บริการผ่านแอปพลิเคชัน Douyin (TikTok เวอร์ชันจีน) อีกทั้งผู้ใช้ยังสามารถค้นหาโรงหนัง บาร์ และร้านเสริมสวยได้อีกด้วย ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีไม่น้อย
จากความสำเร็จในการทดลองให้บริการเดลิเวอรีของ Douyin ทำให้ ByteDance เข้าใกล้โอกาสของการเป็นเจ้าแรกที่จะเข้ามาเบียด Super App จากจีนอย่าง WeChat โดย ByteDance ได้ปูทางการทำ Super App ของตัวเองโดยขยายไปสู่บริการวิดีโอเกม ช็อปปิ้งออนไลน์ สั่งอาหาร จองเที่ยวบินโรงแรม
ขณะที่ GuoSheng Securities ซึ่งเป็นบริษัทด้านการลงทุนของจีนคาดการณ์ว่าภายในปี 2025 แอปพลิเคชัน Douyin จะสามารถให้บริการด้านธุรกรรมได้กว่า 3 แสนล้านหยวน (หรือประมาณ 1.45 ล้านล้านบาท) และจะทำรายได้มากกว่า 1.7 หมื่นล้านหยวนจากค่าคอมมิชชัน (หรือประมาณ 8.2 หมื่นล้านบาท) อีกทั้งยังเป็นโอกาสที่ ByteDance จะสามารถนำโมเดล Super App เพื่อนำเสนอบริการด้านอื่นๆ ผ่านแอปพลิเคชัน TikTok ได้อีกด้วย
และหากเป็นเช่นนั้นจะทำให้ ByteDance กลายเป็นคู่แข่งคนสำคัญของกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่จากจีนอย่าง WeChat ของ Tencent และ Alibaba ผู้ให้บริการทางการเงินและอีคอมเมิร์ซเจ้าดัง
แต่อย่างไรก็ตามต้องมาติดตามกันต่อไปว่า ByteDance จะสามารถผลักดัน Super App ได้สมบูรณ์ตามความต้องการหรือไม่ และด้วยอัลกอริทึมแนะนำเนื้อหาที่ตรงกับความสนใจของผู้ใช้งานแต่ละคนของ Douyin และ TikTok จะกลายเป็นข้อได้เปรียบของ ByteDance ในการดึงดูดลูกค้าไปยังสินค้าและบริการที่มีแนวโน้มตรงกับความต้องการมากที่สุด
อ้างอิง