ในปัจจุบันงาน HR หรือ Human Resource ถือเป็นกลไกเบื้องหลังการขับเคลื่อนธุรกิจที่จะขาดไปไม่ได้ เนื่องจากบุคลากร คือ ทรัพยากรสำคัญขององค์กร เมื่อองค์กรเติบโตขึ้น งาน HR จึงต้องพัฒนาให้ทันตามการขยายตัวของธุรกิจ ทำให้ฟังก์ชันงาน HR บางส่วนต้องปรับเปลี่ยนกระบวนการให้รวดเร็วขึ้น มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และสามารถรองรับกลยุทธ์ด้านบุคลากรของธุรกิจได้ในระยะยาว
สำหรับการขับเคลื่อนงาน HR นั้น เทคโนโลยีใหม่ๆ สามารถเข้ามาเพิ่มขีดความสามารถในกระบวนการทำงานได้อย่างมหาศาล โดยเฉพาะการใช้งาน Generative AI (Gen AI) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่สามารถประมวลผลข้อมูลอย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพสูง
นายพิพัฒน์ ประภาพรรณพงศ์ ผู้อำนวยการฝ่าย Advanced Insights บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK เผยว่า “แม้ปัจจุบันเทคโนโลยี Gen AI ได้รับการพัฒนาจนสามารถนำไปใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ แต่สำหรับการนำไปใช้งานภายในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพนั้น ควรมีการเตรียมความพร้อมและวางกลยุทธ์เพื่อให้ AI สามารถสร้างผลลัพธ์ได้จริง”
การเตรียมความพร้อมควรมองใน 3 เรื่อง ได้แก่
สำหรับงาน HR นั้น หากมองในภาพรวมแล้ว สามารถแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ ด้วยกัน ประกอบด้วย การสรรหาบุคลากร (Talent Acquisition) การบริหารผลการปฏิบัติงาน (Performance Management) และการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล (Resource Management) ซึ่งทั้ง 3 ส่วนนั้น Gen AI สามารถนำไปปรับใช้ได้ในทุกกระบวนการ
อย่างไรก็ตาม ก่อนนำ Gen AI ไปใช้จริงสำหรับงาน HR องค์กรควรทำความเข้าใจและเตรียมความพร้อมเรื่องข้อมูลก่อน ซึ่งโดยปกติแล้วข้อมูลในงาน HR แบ่งเป็นข้อมูลภายในองค์กรที่ครอบคลุมตั้งแต่ข้อมูลผู้สมัครงาน ข้อมูลบริษัท นโยบายบริษัท ข้อมูลสิทธิประโยชน์ต่างๆ และระบบการบริหารจัดการด้าน HR อีกส่วนคือข้อมูลภายนอก เช่น เทรนด์ตลาดแรงงาน นโยบายและการรับสมัครงานของบริษัทคู่แข่ง ค่าเฉลี่ยเงินเดือน และทักษะของพนักงานในตำแหน่งต่างๆ
เมื่อเตรียมพร้อมเรื่องข้อมูลแล้ว องค์กรควรเลือกกรณีการใช้งาน หรือ Use Case ที่เหมาะสมกับธุรกิจ โดยเลือกตามการจัดลำดับความสำคัญ (Use Case Prioritization) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วพิจารณาตาม 2 แกนหลัก คือ Business Impact ซึ่งเป็นผลลัพธ์และคุณค่าที่จะเกิดขึ้นต่อธุรกิจในแง่ผลตอบแทนจากการลงทุน (Return on Investment) รวมถึงความสอดคล้องกับกลยุทธ์องค์กร และ Feasibility ที่เป็นความพร้อมในการพัฒนาและใช้งานจริง โดยแนวทางการทำ Use Case Prioritization นั้น สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามวัตถุประสงค์ขององค์กร
สำหรับแนวทางที่ บลูบิค เข้าไปช่วยแนะนำองค์กรธุรกิจในการเลือก Use Case ที่เหมาะสม ประกอบด้วย 4 ขั้นตอนหลัก ดังนี้
ในมุมมองของ Bluebik แล้ว จากประสบการณ์ในการเข้าไปช่วยวางกลยุทธ์ Gen AI Use Cases ที่น่าสนใจสำหรับงาน HR ทั้งการสรรหาบุคลากร การบริหารผลการปฏิบัติงาน และการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล สามารถแบ่งออกเป็น 15 Use case ได้แก่
– การสรรหาบุคลากร (Talent Acquisition)
– การบริหารผลการปฏิบัติงาน (Performance Management)
– การบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล (Resource Management)
สุดท้ายแล้ว การสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจจาก AI ไม่ใช่แค่การนำเทคโนโลยีมาใช้งาน แต่ต้องมาจากการวางกลยุทธ์และการจัดลำดับความสำคัญ ว่าจะนำ AI ไปใช้สร้างคุณค่าให้องค์กรที่จุดไหน และต้องมีความพร้อมเรื่องข้อมูลสำหรับพัฒนาโมเดล AI ให้สร้างผลลัพธ์ได้ตามความต้องการ
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney