Stripe ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินสำหรับธุรกิจ ได้เผยแพร่ข้อมูลเชิงลึกจากการวิจัยและเปิดตัวโซลูชั่นล่าสุดของบริษัท ณ งานมหกรรม Money20/20 Asia ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศไทย
โดย ศริตา ซิงห์ (Sarita Singh) กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จีน และ และอินเดีย ของ Stripe ให้ข้อมูลว่า ปี 2023 ที่ผ่านมา GDP มีการเติบโตถึง 3.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าอีก 5 ปี จะเติบโตเกิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย Stripe เชื่อว่าเศรษฐกิจดิจิทัลเป็นปัจจัยสนับสนุนหลัก ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลของ World Bank ที่รายงานว่าธุรกรรมต่างๆ กว่า 50% เกิดจากเศรษฐกิจดิจิทัล และเชื่อว่าอีก 10 ปีต่อจากนี้การเติบโตดังกล่าวที่เกิดขึ้นจะมากกว่าแค่ธุรกรรมและธุรกิจดั้งเดิมถึง 2.5 เท่าเลยทีเดียว
รายงานที่อ้างอิงจากการพูดถึงในงาน WEF พบว่าทวีปเอเชียมีการเติบโตสูงสุด เมื่อเทียบกับการเติบโตของภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก และถ้าดูแค่เศรษฐกิจออนไลน์เพียงอย่างเดียวจะเห็นได้ว่ามีผู้ใช้เข้ามาทำธุรกรรมออนไลน์ถึงวันละ 125,000 คน และการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 8 เท่าในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา จากการเติบโตดังกล่าวนี้ จึงทำให้ Stripe เห็นถึงศักยภาพการเติบโต และขยายธุรกิจมายังเอเชีย
ในปีที่ผ่านมาบริษัทหลายล้านแห่งทั้งองค์กรระดับโลก ไปจนถึงบริษัทสตาร์ทอัพ ในหลากหลายอุตสาหกรรม ล้วนใช้บริการของ Stripe ในการรับชำระเงิน เพิ่มรายได้ และสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ โดยในปี 2023 ที่ผ่านมา Stripe มีปริมาณธุรกรรมทั่วโลกไหลเวียนกว่า 1 ล้านล้านเหรียญ หรือคิดเป็น 1% ของ GDP โลก
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอีคอมเมิร์ซจะเป็นเทรนด์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ถ้ามองแค่การทำธุรกรรมข้ามพรมแดนบนโลกออนไลน์มีสัดส่วนประมาณ 1 ใน 3 ของการทำธุรกรรมทั้งหมดทั่วโลก ซึ่ง Stripe ได้เห็นถึงแนวโน้มที่เกิดขึ้นด้วยกัน 3 ประการ
จากรายงานล่าสุดของ Stripe เกี่ยวกับการค้าดิจิทัลทั่วโลก พบว่า 84% ของธุรกิจที่ทำการสำรวจได้ขายสินค้าและบริการในหลายตลาด และธุรกิจ 16% ดำเนินงานในมากกว่า 21 ตลาด นอกจากนี้ พบว่า 66% ของธุรกิจกำลังเตรียมพร้อมที่จะเข้าสู่ตลาดประเทศใหม่ๆ ในอีก 2 ปีข้างหน้า
สำหรับ Stripe มอบโซลูชั่นที่ทั้งรวดเร็วและสามารถปรับขยายขนาดให้กับธุรกิจเพื่อการดำเนินงานทั่วโลกตั้งแต่การก่อตั้งธุรกิจในวันแรก (Day One) ด้วยโซลูชั่นของ Stripe ธุรกิจต่างๆ สามารถรับการชำระเงินจากลูกค้าต่างประเทศในสกุลเงินมากกว่า 135 สกุลเงิน ขณะเดียวกันก็ได้รับประกันถึงการปฏิบัติตามข้อบังคับต่างๆ อย่างถูกต้องและการป้องกันภัยคุกคามทางอินเทอร์เน็ตในระดับสูงสุด
แม้ว่าแนวคิดเรื่องเศรษฐกิจแบบแพลตฟอร์มจะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ข้อสังเกตล่าสุดแสดงให้เห็นว่าแพลตฟอร์มและตลาดดิจิทัลกำลังกลายเป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจโดยรวมมากขึ้น ในประเทศไทยแพลตฟอร์มอย่าง Baania และ FlowAccount ได้ทำงานร่วมกับ Stripe เพื่อเพิ่มความสามารถที่หลากหลายและสร้างการเติบโตในเศรษฐกิจดิจิทัล จากการวิจัยในกลุ่มอุตสาหกรรมพบว่าภายในปี 2573 แพลตฟอร์มดิจิทัลจะมีส่วนช่วยด้านการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกมากกว่า 30% หรือประมาณ 60 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
แนวโน้มที่น่าสนใจซึ่ง Stripe สังเกตเห็นทั่วทั้งภูมิภาคนี้ คือการที่บริษัทระดับโลกได้เปิดกว้างต่อการทดลอง โครงการด้านนวัตกรรม และบุกเบิกบริการดิจิทัลใหม่ๆ มากกว่าภูมิภาคอื่นๆ ในโลก ธุรกิจจำนวนมากตระหนักได้ถึงความจำเป็นในการปรับปรุงธุรกิจ และส่งเสริมวัฒนธรรมการนำนวัตกรรมมาใช้ภายในองค์กร ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มจำนวนของบุคลากรที่มีทักษะด้านการเป็นผู้ประกอบการทั่วทั้งเอเชีย
ในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่การให้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์มีความซับซ้อนมากขึ้น Toyota ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น ได้ร่วมมือกับ Stripe เพื่อเปิดตัวแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ร้านซ่อมรถยนต์ต่างๆ สามารถแบ่งปันและนำอุปกรณ์ชิ้นส่วนอะไหล่ที่มีความเฉพาะเจาะจงและจำเป็นสำหรับให้การบริการรถยนต์รุ่นใหม่ๆ กลับมาใช้ซ้ำได้ ความร่วมมือนี้ทั้งช่วยบรรเทาภาระของร้านซ่อมรถยนต์ และลดการปล่อยคาร์บอนได้ในเวลาเดียวกัน