5 แนวโน้มเทคโนโลยีปี 67 ที่ธุรกิจต้องใช้เพื่อวางกลยุทธ์ และปรับทิศทางการทำ Digital Transformation

กนกกมล เลาหบูรณะกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟูจิตสึ (ประเทศไทย) จำกัด เผยแนวโน้มเทคโนโลยีปี 2567 จากฟูจิตสึ เพื่อเป็นแนวทางให้ธุรกิจต่างๆ สามารถนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาช่วยสร้างกลยุทธ์ที่ต่างไปจากเดิม เพื่อไปสู่ Digital Transformation อย่างยั่งยืนในอนาคต ประกอบไปด้วย

การผสมผสานของควอนตัมคอมพิวเตอร์และ AI

ฟูจิตสึคาดว่าการผสมผสานของควอนตัมคอมพิวเตอร์และ AI จะขึ้นสู่จุดสูงสุดในปีนี้ และการรวมตัวกันของเทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยแก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นำไปสู่ความก้าวหน้าในสาขาต่างๆ เช่น ด้านเภสัชกรรมและบริการทางการเงิน

สำหรับธุรกิจต่างๆ นั้นหมายความว่า การลงทุนใน AI จะช่วยจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพงานของควอนตัมคอมพิวเตอร์ได้ และการตอบรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะปลดล็อกไปประสิทธิภาพและนวัตกรรมอีกระดับ ซึ่งปีนี้จะเป็นปีแห่งความก้าวหน้าของควอนตัมคอมพิวเตอร์

AI จะถูกทำให้เข้าถึงได้ในวงกว้าง 

โมเดล AI ขนาดใหญ่อย่าง ChatGPT เป็นที่รู้จักและนิยมเพิ่มขึ้นมากแต่ยังมีปัญหาการขาดแคลนและเกิดเป็นคอขวดทำให้มีการจำกัดเทคโนโลยีที่สร้างการเปลี่ยนแปลงนี้ให้เฉพาะบริษัทที่ได้รับทุนสนับสนุนดีที่สุดอย่างเช่น OpenAI, Microsoft, Google และ Anthropic พร้อมทรัพยากรในการพัฒนาและการนำมาใช้งาน

การทำให้ AI สามารถเข้าถึงได้ในวงกว้างจึงมีจุดมุ่งหมายเพื่อทลายอุปสรรคที่จำกัด AI ขั้นสูงไว้กับองค์กรขนาดใหญ่ และบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงไปสู่การเข้าถึงเทคโนโลยีที่เท่าเทียมมากขึ้น พร้อมช่วยให้ธุรกิจทุกขนาดสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมและแข่งขันในเวทีระดับโลกได้

AI ช่วยเสริมประสิทธิภาพ Digital Twins 

AI และแบบจำลองเสมือนในโลกดิจิทัล หรือ Digital Twins จะเริ่มให้ข้อมูลด้านนโยบายทางสังคมและกลยุทธ์ทางธุรกิจในปีนี้ โดยจะช่วยนำเสนอข้อมูลเชิงลึกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ และแนวโน้มทางสังคม 

ธุรกิจต่างๆ สามารถใช้ Digital Twins สร้างแบบจำลองผลกระทบของผลิตภัณฑ์และบริการที่มีต่อสังคม เพื่อให้มั่นใจว่ามีการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบและมีจริยธรรม อย่างเช่น การใช้ Digital Twins ในการวางผังเมืองสามารถช่วยให้ธุรกิจต่างๆ เข้าใจถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม 

ฟูจิตสึคาดว่าจะเห็นความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในการใช้เทคโนโลยีคาดการณ์พฤติกรรมเพื่อปรับปรุงความเป็นอยู่ที่ดีและเกิดสังคมที่ปลอดภัยและยั่งยืน และปัจจุบันกำลังมีการทดลองที่ญี่ปุ่นเพื่อช่วยให้คนหลีกเลี่ยงการถูกหลอกทางโทรศัพท์ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลสำคัญของผู้ที่มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นเหยื่อ 

และเทคโนโลยีจะประเมินว่าผู้คนถูกหลอกหรือไม่ โดยพิจารณาจากความผันผวนของความรู้สึกวิตกกังวลจากข้อมูลสำคัญ เช่น อัตราการหายใจและการเต้นของหัวใจ การสร้างแบบจำลองทางสังคมที่ได้รับจาก AI สามารถปรับปรุงการคาดการณ์เกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์และสังคมตลอดจนเสริมประสิทธิภาพและปรับปรุงการทำงานบริการสังคม

ความซับซ้อนของโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่ลดลง

องค์กรธุรกิจต่างๆ ควรมีการจัดลำดับความสำคัญในการลดความซับซ้อนของโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีเพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพความปลอดภัยทางไซเบอร์และลดความเสี่ยงในโลกดิจิทัล ซึ่งจะกลายมาเป็นสิ่งที่อยู่ในความสนใจของผู้คนในปีนี้

และควรตระหนักถึงความสำคัญในการลดความซับซ้อนของโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที ไม่ใช่แค่เพื่อความปลอดภัยเท่านั้น แต่ต้องส่งเสริมความคล่องตัวและความยืดหยุ่นในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ไม่สามารถคาดเดาได้อีกด้วย

Private 5G เติบโต

การเติบโตของเครือข่าย Private 5G จะนำมาซึ่งการปฏิวัติด้านการเชื่อมต่อ ช่วยให้ระบบอัตโนมัติต่างๆ สามารถประมวลผลและควบคุมได้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ ซึ่งความก้าวหน้าในเทคโนโลยี Private 5G และ mmWave จะเข้ามาปฏิวัติในหลายอุตสาหกรรม โดยธุรกิจด้านโลจิสติกส์ การดูแลสุขภาพ และการผลิตจะได้รับประโยชน์ ซึ่งการลงทุนเชิงกลยุทธ์ในโครงสร้างพื้นฐาน Private 5G สามารถช่วยขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่ขอบเขตใหม่ของประสิทธิภาพและการส่งมอบบริการได้