หากพูดถึง VGI หรือ บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับ วีจีไอในฐานะบริษัทลูกของ BTS ที่ทำธุรกิจสื่อ OOH Media หรือผู้นำในธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านที่ครอบคลุมทั่วประเทศ แต่รู้หรือไม่ ปัจจุบัน วีจีไอ ไม่ได้เป็นเพียงบริษัทสื่อดั้งเดิมที่ให้เช่าป้ายหรือพื้นที่บนเครือข่ายรถไฟฟ้า BTS อีกต่อไป
ปี 2561 วีจีไอ ประกาศเข้าสู่โลกดิจิทัล ด้วยการ Integrated Media Solution เชื่อมแพลตฟอร์มออฟไลน์เครือข่ายป้ายโฆษณาทั่วประเทศ และร้านค้าปลีกบนสถานี เข้ากับแพลตฟอร์มออนไลน์ ผ่านการผสานเซอร์วิสดิจิทัลรูปแบบต่างๆ ตั้งแต่การชำระเงินจนถึงให้สินเชื่อดิจิทัล
ปัจจุบัน วีจีไอ เรียกตัวเองว่าเป็น “ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มที่ผสมผสานโลกออฟไลน์และออนไลน์ไว้ด้วยกัน” นำเสนอ “บริการการตลาดแบบ O2O Solutions” หรือ Offline-to-Online ที่สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ในการเข้าถึงสื่อโฆษณาได้ดียิ่งขึ้น ด้วยเครือข่ายฐานข้อมูลที่สะสม Data เชิงลึกของผู้บริโภค จากระบบนิเวศทางธุรกิจ
วีจีไอ ขยายธุรกิจผ่านจุดแข็งของ “BTS Ecosystem” ที่ครบวงจร ซึ่งมีผู้ใช้บริการซึ่งเป็นฐานผู้ใช้ต่อวันกว่า 40 ล้านคน โดยเราสามารถแบ่ง BTS Ecosystem เป็น 3 ธุรกิจหลัก ประกอบด้วย ธุรกิจสื่อโฆษณา ธุรกิจบริการดิจิทัล และธุรกิจจัดจำหน่าย
สำหรับธุรกิจสื่อโฆษณา วีจีไอ ยังประกอบธุรกิจ “VGI Digital Lab” ออนไลน์เอเจนซี่ของตัวเองที่ให้บริการวางแผนสื่อ ที่ขับเคลื่อนด้วยเครือข่ายฐานข้อมูลขนาดใหญ่ โดยมีจุดแข็งในการสะสมจัดเก็บ Transaction Data หรือข้อมูลการชำระเงินกว่า 4.5 พันล้านชุด จากฐานผู้ใช้บริการ BTS Ecosystem มาต่อยอดเชิงการตลาด เพื่อมอบโซลูชันทางการตลาด ที่สามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำสำหรับแบรนด์และเอเจนซี่ โดยล่าสุดยังได้จับมือกับ i click Interactive Asia Group ผู้เชี่ยวชาญด้านดาต้าและการตลาดออนไลน์จากจีน ที่เชี่ยวชาญด้านการเจาะกลุ่มเป้าหมายคนจีนอีกด้วย แน่นอนว่าจุดนี้ยิ่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับธุรกิจสื่อโฆษณาของ วีจีไอ มากยิ่งขึ้นไปอีก
นอกจากนี้ จุดแข็งของการต่อยอด ‘ข้อมูลเชิงลึก’ ของ วีจีไอ ยังส่งเสริมไปถึงการพัฒนา ‘โปรดักต์ทางการเงิน’ ของเครือ โดยการนำข้อมูลการเดินทางบีทีเอส พฤติกรรมของผู้ใช้บริการด้านดิจิทัลผ่านการใช้ด้วยบัตรแรบบิท การสะสมคะแนนแรบบิทรีวอร์ดจากร้านค้าที่เป็นพันมิตรมาวิเคราะห์และประเมิน Credit Scoring และพิจารณารูปแบบสินเชื่อที่เหมาะสมในแต่ละบุคคล
รัชนี แสนศิลป์ชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แรบบิท แคช จำกัด เปิดเผยว่า ด้วยศักยภาพของ วีจีไอ และ บีทีเอส ต้องการเป็นกลไกช่วยเหลือผู้ประกอบการและพาร์ตเนอร์ให้เข้าถึงบริการทางการเงิน โดยในปี 2565 Rabbit Cash เริ่มต้นพัฒนา ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ได้แก่ สินเชื่อดิจิทัลนาโน (Nano Loan) และ สินเชื่อสวัสดิการสำหรับพนักงาน (Welfae Loan) ที่อนุมัติเงินกู้ภายใน 3-5 นาที สะดวกรวดเร็วกว่าเดิม ผ่านช่องทางดิจิทัลโดยไม่ต้องมีผู้ค้ำประกันและไม่เช็กเครดิตบูโร เพื่อยับยั้งการเข้าสู่วงจรหนี้นอกระบบ
3. ธุรกิจจัดจำหน่าย ได้แก่ เปิดพื้นที่ร้านค้าบนชานชาลาที่ร่วมมือกับพันธมิตรจำนวนมาก รวมถึงการขยายสู่โลจิสติกส์ นั่นก็คือ Kerry Express นั่นเอง
ช่วงปีที่ผ่านมา หลายคนอาจจะเห็น Turtle Shop ร้านค้าบนสถานีรถไฟฟ้า BTS ที่กำลังผุดขึ้นใหม่ในๆ หลายสถานี ล่าสุด บริษัท ซุปเปอร์ เทอร์เทิล จำกัด (มหาชน) อีกหนึ่งบริษัทย่อยของ วีจีไอ ที่เข้ามาพัฒนาธุรกิจ ‘ร้านค้าปลีก’ ภายใต้แบรนด์ “เทอร์เทิล” (Turtle) และบริหารพื้นที่เช่าบนสถานีรถไฟฟ้า ซึ่งในปีนี้ วีจีไอ ได้เตรียมแผนรุกธุรกิจจัดจำหน่ายนี้อย่างเข้มข้น
ภายในงาน VGI Media Effectiveness วีจีไอ ประกาศแผนขยาย “Turtle Shop” ให้ได้ถึง 115 สาขา เพื่อให้ครอบคลุมทุกสถานีรถไฟฟ้าทั้งสายสีเขียว สีเหลือง และสีชมพู สร้างจุด Touch Point ที่เข้าถึงผู้โดยสารมากยิ่งขึ้น
“เป้าหมายของ ซุปเปอร์เทอร์เทิล คือ การเสริมแกร่งความเป็นผู้นำด้านแพลตฟอร์มออฟไลน์ของกรุ๊ป เติมเต็มจิ๊กซอว์การใช้บริการบนสถานี BTS ”
โยธิน ทวีกุลวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานปฏิบัติการ บริษัท ซุปเปอร์ เทอร์เทิล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เรานิยาม Turtle Shop เป็นร้านค้า ‘ไลฟ์สไตล์สโตร์’ ที่เราคัดสรรสินค้าบริการที่ตรงกับความต้องการผู้ใช้บริการรถไฟฟ้า ของใช้ในชีวิตประจำวันที่หลากหลาย ทั้งสินค้าแบรนด์ Turtle และอาหารเครื่องดื่มพร้อมทานคุณภาพสูง ผ่านการคัดสรรเป็นอย่างดี ตลอดจนการจับมือกับพาร์ตเนอร์ธุรกิจ เปิดพื้นที่ให้เช่าสำหรับพันธมิตรร้านค้าหลากหลายเจ้า เพื่อความครบครันของสินค้าและบริการ มอบประสบการณ์ที่ครบวงจรให้กับผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าบนสถานีทั่วเมือง
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney