นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวถึงผลการจัดอันดับความสามารถทางการแข่งขันด้านดิจิทัลของไทย (Digital Competitiveness Ranking) ในปี 2566 ดีขึ้น 5 อันดับ โดยไทยอยู่อันดับที่ 35 จากอันดับที่ 40 ในปีที่ผ่านมา
การจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันทางดิจิทัลโลก ซึ่งจัดทำโดย IMD World Competitiveness Center เพื่อวัดระดับความสามารถ และความพร้อมของ 64 เขตเศรษฐกิจในการปรับใช้ และสำรวจเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในการทรานส์ฟอร์มภารครัฐ ภาคธุรกิจ และสังคมในวงกว้าง
โดยประเทศที่ได้รับการจัดอันดับความสามารถทางการแข่งขันด้านดิจิทัลสูงสุด 5 อันดับแรกของโลก ได้แก่ 1.สหรัฐฯ 2.เนเธอร์แลนด์ 3.สิงคโปร์ 4.เดนมาร์ก และ 5.สวิตเซอร์แลนด์
สำหรับอันดับความสามารถในการแข่งขันของไทยในภาพรวมมีการปรับตัวดีขึ้น 5 อันดับ ขยับขึ้นมาอยู่อันดับที่ 35 จากอันดับที่ 40 ในปี 2565
นอกจากนี้ยังมีการแบ่งความสามารถการแข่งขันทางดิจิทัลออกเป็นอีก 3 ด้าน ได้แก่ ความรู้ (Knowledge), เทคโนโลยี (Technology) และความพร้อมสำหรับอนาคต (Future Readiness) ซึ่งในปีนี้ไทยได้รับการจัดอันดับดีขึ้นในทุกด้าน
ในด้านความรู้ความสามารถขยับขึ้นมา 4 อันดับ มาอยู่อันดับที่ 41 ด้านเทคโนโลยีขยับขึ้น 5 อันดับ ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 15 และด้านความพร้อมสำหรับอนาคตขยับขึ้น 7 อันดับ อยู่ในอันดับที่ 42
และจากการจัดอันดับทั้งหมดไทยติด 1 ใน 5 ประเทศที่มีอันดับความสามารถทางการแข่งขันด้านดิจิทัลสูงสุดในอาเซียนซึ่งประกอบไปด้วย 1.สิงคโปร์ (อันดับที่ 3) 2.มาเลเซีย (อันดับที่ 33) 3.ไทย (อันดับที่ 35) 4.อินโดนีเซีย (อันดับที่ 45) และ 5.ฟิลิปปินส์ (อันดับที่ 59)
รัฐมนตรีประเสริฐ กล่าวในตอนท้ายว่า แม้ความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลของไทยในปี 2023 จะดีขึ้น 5 อันดับ แต่ก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่อันดับยังไม่ดีซึ่งเป็นเรื่องที่ไทยต้องปรับปรุง โดยเฉพาะในเรื่องกำลังคนด้านวิทยาศาสตร์และดิจิทัล (อันดับที่ 57), ความรู้ด้านคณิตศาสตร์ของนักเรียนไทย (อันดับที่ 46), การลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา (อันดับที่ 44), ความเป็นรัฐบาลดิจิทัล (อันดับที่ 48), ความสามารถในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ของภาครัฐ (อันดับ 58) เป็นต้น
พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลนี้ให้ความสำคัญเรื่องดิจิทัล และด้านรัฐมนตรีเองก็ได้ตั้งเป้าหมายว่าอันดับความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลของไทยจะต้องอยู่ใน 30 อันดับแรกของโลกให้ได้ภายในปี 2569.