ออกแนวเริด สิงคโปร์มีพนักงานในองค์กรปรับตัวใช้ AI เร็วที่สุดในโลก สูงกว่าค่าเฉลี่ยถึง 8 เท่า

Tech & Innovation

Digital Transformation

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

ออกแนวเริด สิงคโปร์มีพนักงานในองค์กรปรับตัวใช้ AI เร็วที่สุดในโลก สูงกว่าค่าเฉลี่ยถึง 8 เท่า

Date Time: 21 ส.ค. 2566 16:53 น.

Video

“The Summer Coffee Company” มากกว่า เครื่องดื่ม คือ ความสุข | Brand Story Exclusive EP.3

Summary

  • รายงาน Future of Work จาก LinkedIn ระบุ แรงงานในสิงคโปร์ปรับใช้ทักษะด้านปัญญาประดิษฐ์เร็วที่สุดในโลก สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก 8 เท่า เป็นผลจากความแข็งแกร่งของโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล และการเติบโตของสตาร์ทอัพ ซึ่งเข้ามาเร่งการพัฒนาและปรับใช้ AI มากขึ้น

รายงาน Future of Work จาก LinkedIn ระบุ แรงงานในสิงคโปร์ปรับใช้ทักษะด้านปัญญาประดิษฐ์เร็วที่สุดในโลก จากการเปรียบเทียบข้อมูลจาก 25 ประเทศ

โดยในรายงานพบว่าแรงงานในสิงคโปร์ใส่ทักษะ AI ไว้บนโปรไฟล์เพิ่มขึ้น 20 เท่า จากเดือนมกราคม ปี 2016 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกถึง 8 เท่า สำหรับประเทศอื่นๆ ใน 5 ประเทศแรกที่มีอัตราการเติบโตของ AI สูงสุด ประกอบไปด้วย ฟินแลนด์ 16 เท่า, ไอร์แลนด์ 15 เท่า, อินเดีย 14 เท่า และแคนาดา 13 เท่า

ทางด้าน Pooja Chhabria บรรณาธิการบริหารฝั่งเอเชียแปซิฟิกของ LinkedIn ระบุว่า สิงคโปร์นับเป็นพื้นที่สำหรับการเติบโตของ AI มายาวนาน เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลของประเทศที่แข็งแกร่ง และการเติบโตของบริษัทสตาร์ทอัพและธุรกิจต่างๆ ซึ่งมีส่วนในการพัฒนาและปรับใช้ AI มากขึ้น

ขณะเดียวกันความสามารถของ Generative AI ในการสร้างข้อความ รูปภาพ รวมไปถึงเนื้อหาอื่นๆ ที่เกิดจากการป้อนข้อมูลของมนุษย์ได้ทำให้เกิดความกลัวว่าเทคโนโลยีจะเข้ามาแย่งงาน ซึ่ง LinkedIn วิเคราะห์ว่า 45% ของทักษะครูจะได้รับประโยชน์จาก Generative AI ในการทำงานอย่างเช่น การทำแผนการสอน การพัฒนาหลักสูตร ความสามารถในการอ่านเขียน และการติวหนังสือ

ขณะที่ 53% ของทักษะของผู้สอนยังจำเป็นต้องทำโดยมนุษย์อย่างเช่น การบริหารจัดการในชั้นเรียน การเรียนการสอนในระดับประถม และการศึกษาสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ

ทั้งนี้รายงานจาก Goldman Sachs พบว่าเทคโนโลยี AI และระบบ Automation อาจกระทบกับงานกว่า 300 ล้านตำแหน่งทั่วโลก โดยหนึ่งในนั้นคือสายงานสนับสนุน

สำหรับสัดส่วนของทักษะที่จะได้รับประโยชน์จาก Generative AI ได้แก่ วิศวกรซอฟต์แวร์ 96% เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการลูกค้า 76% แคชเชียร์ 59% ครู 45% อีเวนต์เมเนเจอร์ 39% 

นอกจากนี้ Pooja Chhabria ยังกล่าวอีกว่า AI จะเข้ามาเปลี่ยนวิธีการทำงานของมนุษย์พร้อมลดเวลาการทำงาน ดังนั้นทักษะด้านความคิดสร้างสรรค์ ความเป็นผู้นำ และการสื่อสาร จะเป็นทักษะที่มีความสำคัญมากขึ้น

โดยทักษะที่จะได้รับผลกระทบจาก AI น้อยที่สุด ได้แก่ พนักงานบ่อน้ำมัน 1% ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัย 3% พยาบาล 6% และหมอ 7%

ทั้งนี้ Soft Skill ก็มีความสำคัญมากขึ้นจากการเข้ามาของ AI อย่างในสหรัฐฯ ทักษะซึ่งเป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่พฤศจิกายน 2022 คือ ความยืดหยุ่น จรรยาบรรณ การรับรู้ทางสังคม และการจัดการตัวเอง

เช่นเดียวกับรายงานดัชนีแนวโน้มการทำงานปี 2023 ของ Microsoft ที่พบว่าทักษะ 3 สิ่งที่ผู้นำเชื่อว่ามีความจำเป็น ได้แก่

  • การตัดสินเชิงวิเคราะห์
  • ความยืดหยุ่น
  • ความฉลาดทางอารมณ์

อ้างอิง 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์