Huawei บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำสัญชาติจีนเปิดตัว “ผานกู่ โมเดล 3.0” (Pangu Model 3.0) และบริการคลาวด์ ภายใต้ชื่อ “แอสเซนด์ AI” (Ascend AI)
ผานกู่ โมเดล 3.0 คือ ระบบที่ได้ผ่านการพัฒนา และสามารถปรับใช้ได้ตามความต้องการของแต่ละภาคอุตสาหกรรม โดยใช้ประโยชน์จากการประมวลผลข้อมูลจำนวนมากพร้อมใช้อัลกอริทึมการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning Algorithms) เพื่อพลิกโฉมการใช้งาน AI ในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย
โดยเทคโนโลยีนี้จะมีศักยภาพในการทำงานหลักๆ 3 ด้าน ซึ่งสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นด้านการพยากรณ์อากาศ การพัฒนาสูตรยา รวมไปถึงการรองรับการใช้งานในอุตสาหกรรม หรือธุรกิจที่มีความเฉพาะทาง เช่น กาตรวจจับข้อมูลทางการเงิน การตรวจสอบไฟล์ข้อมูล หรือการพยากรณ์คลื่นลมทะเล
ฉาง ผิงอัน กรรมการบริหารหัวเว่ย และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของหัวเว่ย คลาวด์ กล่าวว่า ผานกู่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหัวเว่ย คลาวด์ จะเข้ามาช่วยผู้ใช้งานในหลายอุตสาหกรรม ให้มีผู้ช่วยอัจฉริยะ เพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเรายังคงยึดมั่นในพันธกิจที่ต้องการจะมอบ “AI เพื่อผู้ใช้งานในทุกภาคอุตสาหกรรม” และเราจะส่งมอบ ผานกู่ เพื่อให้ AI ช่วยพลิกโฉมหน้าธุรกิจต่างๆ ในทุกภาคส่วน
คาดการณ์สภาพอากาศ
ระบบดังกล่าวสามารถคาดการณ์สภาวะอากาศล่วงหน้าได้โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที โดยให้ผลที่มีความแม่นยำมากกว่าการคำนวณในรูปแบบเดิมๆ มากกว่าถึงร้อยละ 20 ในระยะเวลาที่เร็วกว่าถึง 10,000 เท่า และมีการใช้ปัจจัยที่หลากหลายในช่วงเวลาที่แตกต่างกันไปเพื่อการพยากรณ์สภาพอากาศที่แม่นยำ
รวมถึงสามารถบอกได้ถึงระดับความชื้น ความเร็วลม อุณหภูมิ และระดับน้ำทะเลได้ ระบบพยากรณ์อากาศดังกล่าวจะสามารถสร้างประโยชน์ได้อย่างมหาศาลในหลายประเทศที่มักได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความแปรปรวนของสภาพอากาศ โดยเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาระบบนี้ได้ช่วยพยากรณ์การเกิดไต้ฝุ่นมาวาร์
ดร.เทียน ฉี หัวหน้าทีมนักวิทยาศาสตร์ ภาคส่วน AI ของหัวเว่ย คลาวด์ กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ระบบพยากรณ์อากาศของผานกู่ มีหน้าที่ในการพยากรณ์อากาศ รวมทั้งยังใช้ความสามารถของระบบในการพยากรณ์การเปลี่ยนแปลงของชั้นบรรยากาศด้วย โดยเป้าหมายของเราคือ การสร้างระบบพยากรณ์อากาศรุ่นถัดไปที่มีการนำ AI เข้ามาเสริมความแม่นยำของข้อมูล
ใช้ในอุตสาหกรรมระบบราง
นอกจากนี้อุตสาหกรรมการเดินรถระบบราง ก็ได้รับประโยชน์จากความก้าวหน้าของ AI จากหัวเว่ย รวมถึงการนำเทคโนโลยี ผานกู่ โมเดล 3.0 มาใช้เป็นอย่างมาก เพราะนับตั้งแต่มีการนำระบบการเดินรถระบบรางของผานกู่ (Pangu Railway Model) มาใช้งาน ทั้งระดับความปลอดภัย และประสิทธิภาพการเดินรถไฟบรรทุกสินค้าก็เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
โดยก่อนหน้านี้ ระบบการตรวจจับความผิดปกติโดยการใช้ระบบตรวจจับแบบเดิม หรือ Train Freight Detection Systems (TFDS) นั้นต้องใช้แรงงานคน ซึ่งขาดประสิทธิภาพ รวมถึงมีค่าใช้จ่ายสูง แต่เมื่อนำระบบการเดินรถระบบรางของผานกู่มาใช้งาน ก็สามารถตรวจจับความผิดปกติได้อย่างแม่นยำ โดยสามารถตรวจจับความผิดปกติที่ร้ายแรงได้มากกว่าร้อยละ 99.99 และตรวจจับความปกติในระดับทั่วไปได้มากกว่าร้อยละ 98
ใช้เทคโนโลยี AI ในเหมืองถ่านหิน
ขณะเดียวกันผานกู่ โมเดล 3.0 ยังสามารถนำมาใช้เพื่อกำกับขั้นตอนการทำงานและความปลอดภัยในอุตสาหกรรมเหมืองอีกด้วย เดิมทีอุตสาหกรรมเหมืองถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยง รวมทั้งต้องใช้กำลังคนจำนวนมาก และมีความท้าทายในเรื่องของเทคโนโลยี และความปลอดภัย
โดยอุตสาหกรรมเหมืองได้เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงจากการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้งาน คือเมื่อมีการนำข้อมูลจำนวนมหาศาลเข้าไปในระบบเพื่อเป็นการเรียนรู้เบื้องต้นแล้ว ผานกู่จะสามารถเรียนรู้สถานการณ์ต่างๆ ของอุตสาหกรรมเหมืองได้กว่า 1,000 สถานการณ์ย่อยด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องมีผู้ควบคุม ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ขั้นตอนการขุดเจาะเหมือง ไปจนถึงการควบคุมเครื่องมือ การขนส่ง และการสื่อสาร