การเกิดขึ้นของ Generative AI ทำให้การมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกับของมนุษย์กับคอมพิวเตอร์เชื่อมโยงและส่งเสริมซึ่งกันและกันอย่างที่เราคาดไม่ถึงมาก่อน เป็นความจริงที่ว่าเทคโนโลยีระดับนี้ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงลักษณะงานและวิธีการทำงานของเราไปจากเดิม
ACCENTURE เผยแพร่งานสำรวจ "A new era of generative AI for everyone" ที่บอกเล่าความเก่งกาจของ Generative AI และการเข้ามามีบทบาทสำคัญในภาคธุรกิจ ดังที่หลายธุรกิจทั่วโลกมีการนำ AI ขั้นสูงมาใช้เสริมการทำงานและปลดล็อกการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์บริการของตน
"บางส่วนงานที่เน้นการทำซ้ำๆ เป็นรูทีน AI จะเข้ามาสร้างกระบวนการทำงานแบบอัตโนมัติแทนที่ บางส่วนงานมนุษย์ยังเป็นปฏิบัติการหลัก AI เพียงเข้ามาช่วยให้เราทำงานได้สะดวกรวดเร็วขึ้น และแน่นอนว่างานบางประเภท AI ไม่สามารถเข้ามาสร้างสรรค์แทน หรือปฏิบัติการได้ดีเท่ามนุษย์"
Thairath Money รวบรวมข้อค้นพบเกี่ยวกับผลกระทบ AI ในภาคการทำงานที่น่าสนใจจากรายงานกว่า 20 หน้ามาแบ่งปันผู้อ่านกัน
เมื่อแบ่งตามอุตสาหกรรม พบว่า 40% ของชั่วโมงการทำงานในอุตสาหกรรมต่างๆ อาจได้รับผลกระทบจาก AI ประมวลภาษา (Large Language Model) อย่าง ChatGPT ที่เรารู้จักกัน
งานที่เกี่ยวข้องกับตัวหนังสือหรือภาษา (Language Tasks) คิดเป็น 62% ของเวลาทำงานทั้งหมดและกว่า 65% มีโอกาสที่ AI ประมวลภาษานี้จะเข้ามามีบทบาททั้งการแทนที่หรือเข้ามามีส่วนช่วยการทำงานทางในใดทางหนึ่ง
อุตสาหกรรม 5 อันดับแรก ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ได้แก่
การเงินการธนาคาร (Banking) , ประกัน (Insurance), ซอฟต์แวร์และแพลตฟอร์ม (Software & Platforms), ตลาดทุน (Capital market), พลังงาน (Energy)
ประเภทงาน 5 อันดับแรก ที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด ได้แก่
งานแอดมินซัพพอร์ตหลังบ้าน (Office & Administration Support), งานขาย (Sales & Related), งานคอมพิวเตอร์และตัวเลข (Computer & Mathmatical), งานบริหารจัดการธุรกิจและการเงิน (Business & Financial Operation), งานออกแบบ ศิลปะ ความบันเทิง กีฬา สื่อ (Arts, Design, Entertainment, Sports, and Media)
รายงานระบุว่า 98% ของผู้นำทางธุรกิจที่ร่วมตอบแบบสอบถามเห็นด้วยว่า ภายใน 3-5 ปี AI จะมีบทบาทสำคัญในการวางแผนกลยุทธ์ขององค์กร และยอมรับว่า AI จุดประกายความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมที่สำคัญให้กับธุรกิจ ธุรกิจกว่า 95% มองว่า AI คือ ยุคใหม่ของ Enterprise intelligence
องค์กรเกือบ 6 ใน 10 วางแผนนำ ChatGPT มาใช้เพื่อจุดประสงค์ทางธุรกิจ และกว่า 4 ใน 10 เตรียมทุ่มเงินลงทุนมหาศาล และธุรกิจกว่าครึ่งกำลังจะเปิดตัวโปรเจกต์ภายในปีหน้านี้
ขณะเดียวกันรายงานยังระบุว่า 90% ของผู้บริหารเชื่อว่า ข้อมูล คือ 'ขุมทรัพย์' ที่จะสร้างความแตกต่างในการแข่งขันที่สำคัญภายในองค์กรและทั่วทั้งอุตสาหกรรม ซึ่งก่อนจะไปถึงจุดที่เทคโนโลยีเข้ามายกระดับได้อย่างเต็มที่ บริษัทจำเป็นต้องเริ่มต้นปฏิรูปธุรกิจด้วยข้อมูลก่อน ยกตัวอย่าง สร้างแนวทางการเข้าถึงข้อมูล ทั้งข้อมูลธุรกิจ ข้อมูลลูกค้า ตลอดจนการจัดเก็บที่ทันสมัย และการดึงมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อ้างอิง Accenture