จากประเด็นที่มีการออกมาเปิดเผยว่า บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด มีการฟอกเงินและจ่ายเงินสินบนให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งต่อมา เอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ได้โพสต์ข้อความผ่าน Facebook ว่า “พบเส้นทางการเงินผิดปกติกว่า 247,911,936 USDT มูลค่ากว่า 8,223 ล้านบาท ถูกโอนออกไปก่อนที่ "โค๊ชแล็ป" ดิไอคอน จะถูกจับเพียง 1 ชั่วโมง”
อย่างไรก็ตาม ต่อมา ปรมินทร์ อินโสม ผู้ร่วมก่อตั้ง และอดีตผู้บริหาร บริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น ได้โพสต์ข้อความผ่าน Facebook ส่วนตัวเช่นกันว่า “เห็นข่าวธุรกรรม USDT ผิดปกติ เลยลองเช็คดูจาก 1 ใน 4 ธุรกรรม ปรากฏว่าโอนเข้า Binance Hot Wallet เลยไม่ดูต่อแล้ว เพราะ สรุปคือไม่ได้ธุรกรรมผิดปกติ ตรงไหนบางทีก็เข้าใจว่าจะสร้างข่าว แต่ก็ควรตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย”
การทำธุรกรรมผ่านเหรียญ USDT เป็นเหตุให้เกิดข้อสงสัยว่า เพราะอะไร ทำไมดิไอคอนต้องแปลงเงินสดเป็นรูปแบบเงินดิจิทัล? เส้นทางการเงินที่เกิดขึ้นผิดปกติจริงไหม? และเงินสกุล USDT คืออะไร มีความน่าสนใจอย่างไร?
ข้อมูลจาก Merkle ระบุว่า USDT หรือ Tether คือ เหรียญดิจิทัลประเภท Stablecoin ถูกออกแบบมาให้มีมูลค่าคงที่เทียบเท่ากับดอลลาร์สหรัฐ (USD) โดย 1 USDT จะเท่ากับ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเหรียญ USDT สร้างขึ้นโดย Tether Limited และจะผูกมูลค่าไว้กับเงินดอลลาร์สหรัฐที่ 1:1
ด้วยราคาที่มีเสถียรภาพและมีความผันผวนต่ำแตกต่างจากสกุลเงินดิจิทัลอื่น ส่งผลให้การใช้งานของ USDT มีความหลากหลาย ตั้งแต่ เก็บไว้เพื่อรักษามูลค่า ใช้ซื้อ-ขาย รวมไปถึงใช้โอนเงินข้ามประเทศ โดยที่ผู้ทำธุรกรรมไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการเปลี่ยนแปลงของมูลค่า เนื่องจากผูกมูลค่าไว้กับเงินดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ USDT ยังเป็นหนึ่งใน Stablecoin ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีปริมาณการซื้อขายสูง และเนื่องจากมีสภาพคล่องที่ดี ทำให้เป็นที่นิยมในกลุ่มนักลงทุน และหากเปรียบเทียบระหว่าง USDT กับ USDC อีกหนึ่งประเภทเหรียญ Stablecoin ฝั่ง USDT มักมีข้อได้เปรียบ คือ ได้รับการยอมรับ และมีการใช้งานที่กว้างขวางมากกว่า แม้ว่าเหรียญ USDC จะมีการตรวจสอบจากหน่วยงานทางการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น แต่เหรียญ USDT ยังคงเป็นตัวเลือกหลักสำหรับการทำธุรกรรมที่รวดเร็วและปลอดภัยในโลกดิจิทัล
อย่างไรก็ตาม USDT ยังมีความท้าทายในเรื่องของความปลอดภัย เนื่องจากยังต้องเผชิญกับข้อกฎหมายและการกำกับดูแลที่เข้มงวดในหลายประเทศ
นเรศ เหล่าพรรณราย นายกสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย ให้ความเห็นกับ Thairath Money ว่า “เป็นเรื่องปกติที่คนจะอำพรางช่องทางการเงิน โดยเอาช่องว่างของเทคโนโลยีนี้มาใช้งานในทางที่ผิด”
“การแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ไปเป็น USDT ในรูปแบบที่เกิดขึ้น สามารถติดตามเส้นทางการทำธุรกรรมได้ เนื่องจากแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่ใช้ Public Blockchain มีการร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแลและรัฐบาลอยู่แล้ว ถ้ามองอย่างตรงไปตรงมาในแง่ของการทำธุรกิจ สิ่งที่น่าสงสัยคือ เพราะอะไรถึงใช้ช่องทางนี้เพื่อทำธุรกรรมด้วยจำนวนเงินที่เยอะขนาดนั้นมากกว่า”
ส่วนเหตุผลที่มักจะใช้ USDT นั้น เนื่องจาก USDT เป็น Stablecoin จะมีมูลค่าในการทำธุรกรรมที่ค่อนข้างคงที่ แม้ว่าจะมีการผันเปลี่ยนตามอัตราการแลกเปลี่ยนแต่ก็ไม่ได้สูงเท่ากับการทำธุรกรรมผ่านสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น อีกทั้งการทำธุรกรรมด้วย Stablecoin ยังมีค่าธรรมเนียมต่ำอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคริปโตฯ ถูกมองว่าเป็นช่องทางที่ใช้เพื่อฟอกเงิน แต่ท้ายที่สุดแล้ว ก็ไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือเดียวที่ทำเรื่องแบบนี้ได้ การจะฟอกเงินได้มีหลากหลายวิธี ในขณะที่การทำธุรกรรมบนบล็อกเชนยังสามารถย้อนรอยและตรวจสอบได้ อย่ามองว่าสินทรัพย์ดิจิทัลคือช่องทางในการฟอกเงินโดยเฉพาะ ทุกสิ่งล้วนเป็นเจตนาของผู้กระทำ
อีกทั้งข้อมูลที่ออกมา ณ ตอนนี้ยังไม่ได้มีการยืนยันชัดเจนว่า การทำธุรกรรมดังกล่าวเกี่ยวข้องกับดิไอคอน กรุ๊ปมากน้อยเพียงใด
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney