ตลาดคริปโตฯ ครึ่งปีหลัง 2567 รอปรับฐาน Cryptomind แนะ ถือ Stablecoin เพิ่มสภาพคล่อง

Tech & Innovation

Digital Assets

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ตลาดคริปโตฯ ครึ่งปีหลัง 2567 รอปรับฐาน Cryptomind แนะ ถือ Stablecoin เพิ่มสภาพคล่อง

Date Time: 24 มิ.ย. 2567 19:18 น.

Video

ทางรอดเศรษฐกิจไทยในยุค AI ครองโลก | 1st Anniversary Thairath Money

Summary

  • ตลาดคริปโตฯ ในครึ่งปีแรกของ 2024 ยังคงแข็งแกร่ง โดย Bitcoin ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ $73,777 ในเดือนมีนาคม หลังได้แรงหนุนจากการอนุมัติ Spot Bitcoin ETF และ Bitcoin Halving ขณะที่ครึ่งปีหลังคาดว่าตลาดจะยังผันผวน โดยนักวิเคราะห์แนะลดการถือครอง Altcoin ขนาดเล็ก และจับตา Ethereum หลังคาดการณ์ว่า Spot Ethereum ETF จะได้รับอนุมัติเร็วๆ นี้

Latest


ในช่วงครึ่งปีแรกของ 2024 ที่ผ่านมา นับเป็นช่วงเวลาที่ Bitcoin สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีต่อเนื่องจากปี 2023 จนทำ All Time High ใหม่ได้ในช่วงกลางเดือนมีนาคม 2024 ซึ่งเป็นระยะเวลาประมาณ 2 ปีครึ่งในการฟื้นตัวกลับมา นับตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน 2021

โดยการปรับตัวขึ้นของราคา Bitcoin ในปี 2023 ส่วนใหญ่มาจาก Spot Bitcoin ETF ที่ BlackRock ได้ขอยื่นเปิดเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2023 ซึ่งในช่วงแรกยังมีความไม่แน่นอนสูง ราคายัง Sideway อยู่หลายเดือนจนเริ่มมีความคืบหน้าให้เห็นความชัดเจน จากนั้นราคาก็เริ่มปรับตัวขึ้นมาอย่างแข็งแกร่งในช่วงต้นไตรมาส 4/2023 ซึ่งในฝั่งของ Altcoin เองก็ฟื้นตัวขึ้นมาในช่วงเวลาเดียวกัน

และผลลัพธ์ก็เป็นไปตามคาด หลังจาก Spot Bitcoin ETF ได้รับการอนุมัติเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2024 และสามารถซื้อขายได้ทันทีในวันถัดไป หลังจากนั้นก็มีเงินไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถคง Momentum เชิงบวกไว้ได้ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของ Bitcoin Halving ที่เป็นปัจจัยเชิงบวกส่งเสริมกันอีก ส่งผลให้ราคา Bitcoin สามารถขึ้นไปทำ All Time High ที่ราคา $73,777 ทำให้ Performance ของ Bitcoin ไตรมาส 1/2024 ค่อนข้างดีมาก

อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส  2/2024 เริ่มมีการปรับฐาน เนื่องจากปัจจัยบวกเริ่มหมด อีกทั้งยังมีเรื่องของสงครามและความไม่แน่นอนของนโยบายการเงินของสหรัฐฯ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นปัจจัยที่สำคัญต่อตลาดคริปโตฯ ค่อนข้างมาก ถึงแม้ว่าจะมีข่าวเรื่องการอนุมัติ Spot Ethereum ETF ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2024 ก็ไม่สามารถทำให้ Momentum ของตลาดกลับมาเป็นเชิงบวกได้มากเท่าที่ควร

Source: Coingecko


ฝั่งของ Altcoin หลังจากการฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 4/2023 ในปีนี้ ก็มีการเติบโตต่อเนื่องในไตรมาส 1/2024 ด้วยเช่นกัน แต่จะมีแค่เพียงไม่กี่ Sector ที่สามารถ Outperform ตลาดได้ ซึ่งกลุ่มที่ทำผลตอบแทนได้ดีมากในช่วงไตรมาส 1/2024 อาทิ กลุ่ม Memecoins, Real World Asset (RWA) และ Artificial Intelligence (AI) โดย Memecoins สามารถทำผลตอบแทนเฉลี่ยในไตรมาส 1 ได้ถึง 1,313%

ตารางแสดงอัตราการเติบโตในแต่ละช่วงเวลาของ Bitcoin, Ethereum และ Altcoin Market Cap

Source : Cryptomind Advisory
 

สรุปภาพรวมในครึ่งปีแรกของปี 2024 นั้น Cryptomind Advisory มองว่าภาพรวมในช่วงไตรมาส 1/2024 ค่อนข้างสดใสสำหรับตลาดคริปโตฯ แต่ในไตรมาส 2/2024 เริ่มอ่อนแรงลงและปัจจัยส่งเสริมเริ่มหมด นอกจากนี้ท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ ก็ยังสร้างความไม่แน่นอนให้ตลาดด้วย

และยิ่งถ้าถอยออกมามองภาพใหญ่ ตลาดคริปโตฯ โดยรวมก็ฟื้นตัวกลับมามากพอสมควรแล้ว การปรับฐานตรงนี้เพื่อการเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืน หากถ้าพิจารณาตั้งแต่ต้นปี 2023 จนถึงปัจจุบัน Bitcoin, Ethereum และ Altcoin Market Cap สร้างการเติบโตมามากถึง 303%, 200% และ 117% ตามลำดับ 

สำหรับภาพรวมในครึ่งปีหลัง 2024 นี้ อย่างที่ทราบกันดีว่าเศรษฐศาสตร์มหาภาค (Macroeconomics) นั้นเป็นส่วนสำคัญที่ส่งผลกับตลาดคริปโตฯ ค่อนข้างมาก ซึ่งเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2024 มีการประชุม Federal Open Market Committee (FOMC) และมีการออก Fed Dot Plot Diagram ที่แสดงถึงมุมมองของคณะกรรมการของธนาคารกลางสหรัฐฯ ว่าจะมีการดำเนินนโยบายทางการเงินอย่างไร

  

Source: Federal Reserve

สำหรับปี 2024 การคาดการณ์ของสมาชิก FOMC สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินกองทุนกลางอยู่ในช่วงประมาณ 4.9% ถึง 5.6% มีการกระจายตัวของการคาดการณ์อย่างชัดเจนอยู่ที่ประมาณ 5.1% ถึง 5.4% ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีความเห็นเป็นเอกฉันท์ในหมู่สมาชิกว่าควรจะอยู่ในช่วงนี้ สิ่งนี้บ่งชี้ว่า สมาชิกหลายคนเชื่อว่าอัตรานี้ควรจะยังคงอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง เพื่อจัดการกับความกังวลเรื่องเงินเฟ้อต่อไป

จากสัญญาณบวกของตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุดเห็นว่า CPI เริ่มชะลอตัว และ Dot Plot Diagram ที่ออกมาแสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ Fed ส่วนใหญ่มองว่าปีนี้น่าจะมีการลดดอกเบี้ย 1-2 ครั้ง และประเทศอื่นๆ เช่น ยุโรป แคนาดา เริ่มลดดอกเบี้ยแล้ว อาจหมายถึงว่าถึงเวลาที่สหรัฐฯ อาจจะต้องเริ่มลดบ้าง

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเรื่องของเงินเฟ้อและจาก Dot Plot Diagram จะดูเหมือนเป็นข่าวดี แต่จากการให้สัมภาษณ์ของ Jerome Powell (ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ) ดูมีท่าทีแข็งกร้าว (Hawkish) อยู่พอสมควร โดยยังบอกว่า ตัวเลขเงินเฟ้อยังไม่น่าเป็นที่พอใจ และ Dot Plot Diagram อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นในสถานการณ์ปัจจุบันยังอยู่กับความไม่แน่นอนอยู่ค่อนข้างมาก ทำให้ตลาดเริ่มมีความกังวลและมีบางส่วนที่เทขายเพื่อลดความเสี่ยง สวนทางกับฝั่งตลาดหุ้นที่ยังเป็นบวกได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากตัวหลักอย่าง Nvidia, Microsoft, Apple 

ทั้งนี้ จากปัจจัยส่งเสริมในตลาดคริปโตฯ ที่ผ่านไปหมดแล้ว รวมถึงความไม่แน่นอนต่างๆ ในนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ และสงคราม Cryptomind Advisory จึงมองว่าในครึ่งปีหลังอาจเป็นช่วงเวลาของการปรับฐานและรอความชัดเจนจากทางธนาคารกลางสหรัฐฯ มากกว่านี้ ส่วนปัจจัยบวกที่ยังหลงเหลืออยู่นั้น มีดังนี้

  • Spot Ethereum ETF 
  • Bitcoin และคริปโตฯ ถูกนำมาใช้ในการหาเสียงของผู้สมัครประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยผู้สมัครมีแนวโน้มที่จะสนับสนุนคริปโตฯ เพื่อคะแนนเสียงในช่วงการเลือกตั้ง
  • ความชัดเจนด้านการกำกับดูแลที่เพิ่มมากขึ้นจาก Financial Innovation and Technology for the 21st Century Act (FIT21) ที่เป็นกฎหมายที่ถูกเสนอขึ้นมาเพื่อสร้างกรอบการทำงานที่ชัดเจนสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลและคริปโตเคอร์เรนซี ที่เพิ่งได้ผ่านการลงมติในสภาผู้แทนราษฎรในปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

Cryptomind Advisory มองว่าในตอนนี้หากไม่มีปัจจัยอะไรร้ายแรง Bitcoin มีแนวโน้มจะอยู่ในลักษณะ Sideway ในกรอบใหญ่ๆ โดยมีแนวรับสำคัญอยู่ที่ $60,000 จนกว่าจะเริ่มมีการลดดอกเบี้ย แต่ถ้าหากมีปัจจัยร้ายแรง เช่น สงครามที่รุนแรงและบานปลายมากขึ้น นโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ มีความรุนแรงมากขึ้น ไม่มีการลดดอกเบี้ยอย่างที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ก็อาจจะทำให้ราคาลงต่ำกว่า $60,000 ได้ โดยถ้าหลุดแนวรับดังกล่าวจะมีแนวรับสำคัญถัดไปอยู่ที่แถวๆ $52,000 และ $44,000 ตามลำดับ

ส่วนมุมมองการลงทุนมองว่าควรลด Position ของ Altcoin ตัวเล็กๆ ที่ไม่มี Narrative สนับสนุน เนื่องจากสภาพคล่องในตลาดยังน้อย ซึ่งเมื่อ Bitcoin มีการปรับฐาน Altcoin มักจะร่วงแรง แต่เมื่อ Bitcoin เริ่มฟื้น Altcoin กลับไม่ฟื้นตาม ดังนั้นควรถือ Stablecoin ไว้จำนวนหนึ่ง เผื่อในกรณีที่ตลาดเกิดการเทขายอย่างหนักจะได้มีสภาพคล่องไว้ช้อนซื้อในช่วงเวลาดังกล่าว อย่างไรก็ตาม อาจมีบาง Sector สามารถทำผลตอบแทนขึ้นมานำตลาดได้เช่นเดียวกัน ซึ่งทางเรามองว่าอาจเป็น Ethereum และเหรียญต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Ethereum

Source: @EricBalchunas

นักวิเคราะห์จาก Bloomberg คาดการณ์ว่า Spot Ethereum ETF จะได้รับการอนุมัติและเปิดซื้อขายได้ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม เนื่องจากทาง SEC ได้ส่งฟอร์ม S-1 ให้มาแก้ไข พร้อมทั้งขอให้ส่งกลับภายใน 1 อาทิตย์ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี โดยหากเปิดซื้อขายแล้วต้องจับตา Inflow ให้ดีๆ เนื่องจากในปัจจุบัน Ethereum มี Market Cap ที่น้อยกว่า Bitcoin ประมาณ 3 เท่า ซึ่งถ้ามีแรงซื้อในระดับเดียวกับ Spot Bitcoin ETF ก็จะสามารถส่งผลกระทบกับราคาได้มากกว่า

นอกจากนี้เหรียญต่างๆ ภายใน Ethereum Ecosystem ก็มีแนวโน้มที่จะได้รับอิทธิพลจากการอนุมัติในครั้งนี้ด้วย โดยตัวอย่าง Sector ที่น่าจับตามอง ได้แก่

  • เหรียญกลุ่ม Liquid Staking/Restaking (LSD/LRT) เช่น LIDO (LDO), Etherfi (ETHFI), Renzo (REZ)
  • เหรียญกลุ่ม Scaling Solution ของ Ethereum (Layer 2) เช่น Arbitrum (ARB), Optimism (OP) 
  • เหรียญกลุ่ม Real World Asset (RWA) ที่อยู่บน Ethereum เช่น Ondo Finance (ONDO)

และเมื่อคาดการณ์ว่า Spot Ethereum ETF จะได้รับการอนุมัติแล้ว สิ่งนี้ถูกมองว่าเป็นการเปิดโอกาสอีกกว้างมากให้กับตลาดคริปโตเคอร์เรนซี โดยเฉพาะกลุ่ม Layer 1 อื่นๆ และอีกหลายๆ เหรียญเริ่มถูกพูดถึงว่าอาจจะเป็นรายต่อไปที่จะถูกเสนอเข้าเป็น Spot ETF เช่น Solana (SOL) ที่ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2023 มีการเติบโตที่ก้าวกระโดดอย่างมาก และกลายเป็นคู่แข่งที่สำคัญสำหรับ Ethereum หรือแม้แต่เหรียญ Proof of Work ตั้งแต่ยุคแรกอย่าง Litecoin (LTC) หรือ Bitcoin Cash (BCH) ซึ่งถึงแม้ว่าทุกอย่างจะยังเป็นข้อถกเถียงกันในเรื่องของความเหมาะสมในการเสนอเป็น Spot ETF แต่ทั้งหมดนี้อาจจะทำให้กลุ่มเหรียญเหล่านี้ถูกพูดถึงและเป็นที่น่าจับตามองได้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ