เปิดพอร์ตคริปโตฯ BROOK บริษัททำผลงาน Q1 ฟาดกำไร 683 ล้าน ผู้บริหารมั่นใจ Blockchain อนาคตสดใส

วริศ บูลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายที่ปรึกษาวาณิชธนกิจ และกรรมการผู้จัดการฝ่ายสินทรัพย์ดิจิทัล บริษัท บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BROOK  เปิดเผยถึงผลการดำเนินการไตรมาสที่ 1/2567 ว่า บริษัทฯ มีรายได้ 820.87 ล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 683.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 673 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 88.42 ล้านบาท 

ซึ่งยังไม่รวมมูลค่าสินทรัพย์ดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นบางส่วนที่ยังไม่สามารถรับรู้เป็นกำไรทางบัญชีอีก 760 ล้านบาท โดยมีรายได้จาก โปรเจกต์เหรียญ ICO ต่างๆ ที่ได้รับจากบริการ Launch pool ของ Binance Global และผลตอบแทนจากมูลค่าที่เพิ่มขึ้นในกองทุน Venture Capital บริษัทยังคงเชื่อมั่นในการเติบโตระยะยาวของสินทรัพย์ดิจิทัลและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Blockchain และยังคงไม่ได้ทำธุรกรรมเปลี่ยนแปลงใดๆ อย่างมีนัยสำคัญใน Digital Asset Treasury 

โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา Digital Asset Treasury ส่วนใหญ่ยังคงเดิม โดยมีจํานวนโทเคน หรือเหรียญใกล้เคียง กับการลงทุนในคร้ังแรก มีการเปลี่ยนแปลงในโทเคนบางส่วนเนื่องจากการเข้าร่วมกิจกรรม web 3.0 และแผนการจัดสรรใหม่ (Reallocation) ภายใน Digital Asset Treasury เอง ทั้งนี้สถานะสภาพคล่องของกลุ่มบริษัทฯ ยังคงมีความแข็งแกร่งมาก โดยมี D/E ประมาณ 0.15 เท่า และอัตราส่วนสภาพคล่องมากกว่า 5.8 เท่า

สำหรับมูลค่ารวมจากโทเคนและเหรียญ 4 อันดับแรก คิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 80 ของปริมาณการถือ ครองสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมดของกลุ่มบริษัทฯ 

การทำงานร่วมกับพันธมิตร (Synergy Partners)

การมีส่วนร่วมของบริษัทฯ ในลักษณะพันธมิตรวงจำกัด (Limited partnership) เป็นส่วนหนึ่งของทิศทางเชิงกลยุทธ์ของบริษัทฯ ในการสร้างความสัมพันธ์เครือข่าย และการเข้าถึงแนวโน้มตลาดล่าสุดในภูมิภาคต่างๆ ของโลก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่คุณค่าการให้คำปรึกษาของบริษัทฯ

บริษัทมีวิสัยทัศน์ในการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้สามารถสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยแบ่งออกเป็น 4 ธุรกิจ ได้แก่ 

1. ธุรกิจที่ปรึกษา Traditional Finance และ Digital Asset ในไตรมาสแรก บริษัทฯยังคงดำเนินธุรกิจโดยเน้นการให้คำปรึกษาโครงการใหญ่ ด้วยเหตุนี้ การให้บริการจึงใช้เวลานานและการรับรู้รายได้จากการให้คำปรึกษาซึ่งเป็น success fee จึงยังไม่สามารถรับรู้ใดๆ จนกว่างานจะเสร็จสิ้น ทางบริษัทยังคงมั่นใจว่าปีนี้จะสามารถทำงานหลายดีลในสำเร็จลุล่วงได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกด้วย เช่น สภาพตลาดและกฎเกณฑ์ต่างๆ ในการทำรายการทางธุรกิจของลูกค้า ทั้งนี้ ทางบริษัทได้เริ่มดำเนินการให้คำปรึกษาลูกค้าของบริษัทในส่วนของการใช้งาน digital asset เพื่อส่งเสริมธุรกิจแล้ว โดยคาดหวังว่าจะมีลูกค้าใหม่เข้ามารับบริการที่ปรึกษาธุรกิจเพิ่มขึ้นตามกระแสคริปโตที่กำลังมาแรง

2. AI สำหรับคนไทย เครื่องมือ BROOKREATOR ยังอยู่ระหว่างการปรับ UX, UI และการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้ตอบโจทย์การใช้งานยิ่งขึ้น โดยทางบริษัทฯยังคงศึกษา innovation ใหม่ๆ เพื่อนำมาเพิ่มใน Brookreator ให้ก้าวทันพัฒนาการในโลก AI ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

3. Thailand x World Tourism NFT Community บริษัทยังคงเดินหน้าพัฒนา BROOK NFT ต่อ โดยจะนำมาเชื่อมโยงอีเวนต์ และกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวให้นักสะสม NFT จากทั่วโลกสามารถนัดกันมาเที่ยวประเทศไทย คาดว่าจะบรรลุผลในช่วงปลายปี

นอกจากนี้ บริษัทได้เข้าถือครอง NFT CryptoPunks เป็นจำนวน 12 ภาพกลายเป็น Punk Collector อันดับ Top 100 ของโลกอย่างเป็นทางการ พร้อมกันนี้บริษัทได้คือครอง NFT เพิ่มใน collection Mutant Aped Yacht Club (MAYC) อีกจำนวน 78 ภาพโดยตั้งเป้าที่จะถือครองทั้งสิ้น 100 ในภายหน้า เพื่อสร้าง Branding จาก Intellectual Property (IP)  ที่มาพร้อมกับความเป็นเจ้าของ NFT CryptoPunks และ MAYC

ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 Cryptopunks มีราคาขั้นต่ำต่อหน่วยอยู่ที่ 165,930 เหรียญสหรัฐ และ MAYC มีราคาขั้นต่ำต่อหน่วยอยู่ที่ 7,639 เหรียญสหรัฐ โดยแนวปฏิบัติทางบัญชี NFT ถูกระบุเป็นสินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่ถูกบันทึกในงบการเงิน

4. การพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน (ESG) บริษัทยังคงให้ความสนใจในธุรกิจ Carbon Credits และกำลังเตรียมสร้าง Carbon Credit Ecosystem ผ่านการใช้เทคโนโลยี Decentralized Blockchain โดยจะสร้างระบบนิเวศความยั่งยืน (Sustainable Ecosystem) ในรูปแบบ Global Scale ที่จะผลักดันให้บริษัททั่วโลกใส่ใจในสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น และเตรียมปรับแนวทางธุรกิจเพื่อให้การปล่อยก๊าซ Co2 เป็น Net Zero ในอนาคต

แผนงานของ BROOK ปี 2567

สำหรับแผนงานในปี 2567 บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับตลาดคริปโต ที่เห็นว่ายังมีแนวโน้มและทิศทางที่ดี ตลอดจนพัฒนาต่อยอดและหาเครื่องมือ AI ที่เหมาะสมกับคนไทยและธุรกิจไทย ปรับ UX/UI เพื่อใช้งานง่ายขึ้นและช่วยให้เกิดการใช้งานในวงกว้างภายในประเทศไทย

ล่าสุดบริษัทมีแผนที่จะเพิ่มการลงทุนในธุรกิจ Carbon Credit โดยกำลังอยู่ในขั้นตอนเจรจาและเตรียมจัดตั้ง Joint Venture กับพันธมิตรในประเทศลาวสร้าง Carbon Credit Blockchain Ecosystem ผ่านการใช้เทคโนโลยี Web3 เพื่อสร้างความยั่งยืน (Sustainable Ecosystem) ในรูปแบบ Global Scale มีเป้าหมายที่จะผลักดันให้บริษัททั่วโลกใส่ใจในสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้นและเตรียมปรับแนวทางธุรกิจให้การปล่อยก๊าซ Co2 เป็น Net Zero เพื่อสอดรับกับแนวคิดของ ESG ในอนาคต 

บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาและพิจารณาเพื่อปรับสัดส่วนของสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีอยู่ตามความเหมาะสมเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของบริษัทและผู้ถือหุ้น โดยจะมีงบประมาณต่อยอดธุรกิจที่ปรึกษาครบวงจร และงบประมาณในการพัฒนาธุรกิจ Blockchain ใน Web 3.0 เพราะบริษัทมองว่า การ adoption ของ blockchain เริ่มเป็นที่แพร่หลายยิ่งขึ้นแล้ว

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney