orbix กระดานเทรดคริปโตฯ เครือ Kbank ชูจุดเด่น ‘ปลอดภัย เชื่อถือได้’ ตั้งเป้าปี 67 รายได้โต 6 เท่า

Tech & Innovation

Digital Assets

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

orbix กระดานเทรดคริปโตฯ เครือ Kbank ชูจุดเด่น ‘ปลอดภัย เชื่อถือได้’ ตั้งเป้าปี 67 รายได้โต 6 เท่า

Date Time: 22 มี.ค. 2567 14:26 น.

Video

“The Summer Coffee Company” มากกว่า เครื่องดื่ม คือ ความสุข | Brand Story Exclusive EP.3

Summary

  • ออร์บิกซ์ (orbix) แพลตฟอร์มกระดานเทรดสินทรัพย์ดิจิทัลตั้งเป้าปี 67 รายได้เติบโต 6 เท่า ชูกลยุทธ์ Easy & Trustworthy พร้อมเป็นผู้นำในการยกระดับมาตรฐานทั้งอุตสาหกรรมในการดูแลคุ้มครองนักลงทุน

“orbix” แพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลจาก Kbank ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ตอกย้ำกลยุทธ์พัฒนาประสบการณ์การใช้งานที่ง่าย (Easy) ทั้งเพิ่มความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ (Trustworthy) พร้อมเป็นผู้นำดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส เน้นขยายฐานลูกค้าใหม่ตลอดจนการให้ความรู้แก่นักลงทุน

สำหรับ orbix เป็นบริษัทที่เกิดจาก Unita Capital ซึ่งเป็นบริษัทลูกในกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทย และได้เข้าซื้อหุ้น 97% ของบริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น จํากัด (Satang Pro) กระดานเทรดคริปโตฯ ไทย ที่ได้รับใบอนุญาตภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. ดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่ปี 2560 และได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ออร์บิกซ์ เทรด จํากัด  

ตั้งเป้ารายได้โต 6 เท่า จากปี 66

ชาญวิทย์ รุ่งเรืองลดา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออร์บิกซ์ เทรด จำกัด เผยว่า ในปี 2567 นี้ บริษัทตั้งเป้าหมายเพื่อขยายฐานผู้ใช้งานแพลตฟอร์ม orbix โดยเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานที่เป็นลูกค้าใหม่ที่ 10-15% ขณะเดียวกันก็เน้นทำการตลาดกับฐานลูกค้าเดิมของ Satang Pro ที่มีอยู่กว่า 500,000 ราย ให้กลับมาใช้งานพร้อมขึ้นเป็น Top 3 ของ Exchange ในประเทศไทยให้ได้ภายใน 3 ปี

ในส่วนของรายได้บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโต 6 เท่าจากปี 2566 ซึ่งมีรายได้อยู่ที่ราว 25 ล้านบาท ให้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราว 160-170 ล้านบาท พร้อมคาดการณ์รายได้ในเดือนมีนาคมนี้ว่ามีแนวโน้มเติบโตขึ้นก่อนเข้าซื้อที่ประมาณ 2.3-2.5 เท่า ขณะที่เป้า DAU (Daily Active User) ของ orbix จะต้องเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่า จากปีก่อนหน้าในช่วงก่อนการเข้าซื้อกิจการซึ่งปัจจุบัน orbix มีตัวเลขผู้ใช้งานรายวันอยู่ที่ราว 5-600 คน

ปัจจัยหนุนมูลค่าตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลโต

ชาญวิทย์ ยังได้เปิดเผยภาพรวมตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีปัจจัยเชิงบวกหลายประการซึ่งส่งผลต่อแนวโน้มตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลกนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ได้แก่ ก.ล.ต.สหรัฐฯ อนุมัติ Bitcoin ETF ทั้งสิ้น 11 กอง มูลค่ารวมประมาณ 100,000 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้เม็ดเงินจากนักลงทุนสถาบันไหลเข้าสู่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น 

อีกทั้งในเดือนเมษายนนี้จะมีเหตุการ์สำคัญอย่าง ‘Bitcoin Halving’ ที่อัตราการเกิดของ Bitcoin ใหม่ ลดลงครึ่งหนึ่งในทุกๆ 4 ปี รวมถึงความเป็นไปได้ที่ ก.ล.ต.สหรัฐฯ จะอนุมัติ Ethereum ETF ในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ 

ในไทยเองก็มีนโยบายส่งเสริมให้ไทยขึ้นเป็นศูนย์กลางสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Hub) ซึ่งเริ่มเห็นเป็นรูปธรรมจากการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลผ่าน Exchang, Dealer, Broker ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. และเมื่อเร็วๆ นี้คณะกรรมการ ก.ล.ต.ได้เห็นชอบอนุมัติปรับหลักเกณ์ให้นักลงทุนรายใหญ่พิเศษและนักลงทุนสถาบันสามารถลงทุน Bitcoin ETF ได้ผ่าน บลจ. เป็นแนวโน้มที่ดีของการพัฒนาอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย

ปัจจัยบวกเหล่านี้ล้วนเป็นแรงส่งให้ราคาของ Bitcoin ขึ้นสู่ราคาสูงสุดใหม่ที่ 73,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 2.6 ล้านบาท และดึงดูดนักลงทุนรวมถึงเม็ดเงินลงทุนใหม่ๆ เข้ามาสู่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

มาตรการคุ้มครองนักลงทุนเป็นสิ่งสำคัญ

และเมื่อนักลงทุนจำนวนมากหันมาให้ความสนใจลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ชาญวิทย์ระบุว่า orbix เห็นถึงความสำคัญในเรื่อง Investor Protection และได้เริ่มกำหนดแนวทางการดำเนินธุรกิจเพื่อเป็นไปตามกลไกการกำกับดูแลและมาตรการคุ้มครองนักลงทุนซึ่งประกอบไปด้วย

  1. เปิดเผยข้อมูลและความโปร่งใสในการดำเนินงาน (Transparency) จัดให้มีการเปิดเผยข้อมูลการดำเนินการของบริษัทฯ ตามที่หน่วยงานกำกับกำหนด รวมถึงจัดทำรายงาน Proof of Reserve เป็นรายเดือน เพื่อสร้างความมั่นใจและความโปร่งใสให้กับนักลงทุน 
  2. คัดเลือกผลิตภัณฑ์ที่รัดกุม (Prudent Product Selection) เพิ่มเหรียญใหม่ๆ ที่มีคุณภาพเข้าสู่กระดานซื้อขาย (List) เพื่อเพิ่มทางเลือกในการลงทุน ขณะเดียวกันก็มีการทบทวนคุณสมบัติของเหรียญในกระดานซื้อขายอย่างสม่ำเสมอ หากเหรียญใดไม่ผ่านเกณฑ์ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อนักลงทุนก็จะมีการพิจารณานำออกจากกระดาน (Delist) เพื่อลดความเสี่ยงให้กับนักลงทุน ปัจจุบันมีอยู่ราว 40 เหรียญ
  3. ให้ความรู้แก่นักลงทุน (Investor Education) สร้างความรู้ผ่านรูปแบบ ‘Gamification’ ซึ่งเป็นแนวทางที่เข้าถึงนักลงทุนได้ง่ายผ่านการทำแบบทดสอบเพื่อให้นักลงทุนเข้าใจสไตล์การลงทุนของตนเอง พร้อมรับสิทธิพิเศษต่างๆ ที่ทาง orbix ได้จัดเตรียมไว้ตามสไตล์การลงทุน 

ขณะเดียวกันก็มี “Kryptonian Referral Program” ซึ่งเป็นโปรแกรมแนะนำคนรู้จักที่สนใจลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล โดยผู้แนะนำและผู้ถูกแนะนำ จะได้รับส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมจากการซื้อขายดิจิทัลโทเคนตามเกณฑ์ที่บริษัทฯ กำหนด พร้อมกับเตรียมเปิดตัว “OBX reward point” ให้สะสม Point จากกิจกรรมต่างๆ เพื่อนำมาแลกรับสิทธิพิเศษและของสมนาคุณหลายรูปแบบ

Trustworthy และ Easy จุดยืนมัดใจลูกค้า

สำหรับจุดยืนของของ orbix ชาญวิทย์ ระบุว่าเรายืนอยู่บนเรื่องของ Trustworthy และ Easy เราอยากเป็น Exchange ที่มีความน่าเชื่อถือที่ลูกค้าเชื่อมั่น เพราะเราอยู่ในกลุ่มธุรกิจทางการเงิน รวมถึงให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ง่ายและไม่ติดขัด ซึ่งปัจจุบัน orbix ก็มี UX UI Designer ทีมเดียวกับ แอปฯ K PLUS บนมือถือซึ่งมีส่วนช่วยยกระดับการใช้งาน orbix 

ขณะเดียวกันทาง orbix ก็เชื่อว่ากลุ่มลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับเรื่อง Trustworthy และ Easy จะเป็นคนละกลุ่มกับลูกค้าที่ลงทุนกับเจ้าตลาด โดยจะเป็นกลุ่มนักลงทุนเดิมที่ยังขาดความมั่นใจในการแบ่งเงินมาลงทุนว่าจะลงทุนกับใครดีซึ่ง orbix ก็พยายามพัฒนาเซอร์วิสและโซลูชันที่จะมาตอบโจทย์ลูกค้าได้

ด้าน ดร.กรินทร์ บุญเลิศวณิชย์ ประธานกรรมการ บริษัท ออร์บิกซ์ เทรด จำกัด ได้เสริมในมุมภาพรวมของธนาคารว่า ลูกค้าของธนาคารมีความต่างกัน แน่นอนว่าถ้าเรื่องการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล เชื่อว่านักลงทุนกลุ่ม Early Adopter เขารับความผันผวนได้ แต่สิ่งที่เขารับไม่ได้คือ Operator หรือ Service Provider หาย 

“ลูกค้าเราจำนวนมากที่ยังไม่กล้าลงทุนไม่ใช่ว่ารับความผันผวนของสินทรัพย์ไม่ได้ แต่ไม่มั่นใจว่า Operator จะหายหรือเปล่า” ดร.กรินทร์ กล่าวเสริม พร้อมระบุว่า orbix จะตอบโจทย์กับลูกค้าซึ่งอาจจะไม่ใช่กลุ่ม ‘Early Adopter’ แต่เป็นนักลงทุนที่ให้ความสำคัญกับผู้ให้บริการที่เชื่อถือได้และ “เราจะเป็น Top 3 ในมิติที่นักลงทุนสบายใจที่เงินอยู่กับเรา”

ตอบโจทย์ลูกค้ารายใหญ่ด้วยประโยชน์จาก Synergy

นอกจากนี้ orbix ยังมุ่งตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ารายใหญ่ด้วยการใช้ประโยชน์จาก Synergy ด้วยผลิตภัณฑ์ในเครือไม่ว่าจะเป็น Kubix ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ ICO Portal ทั้งยังมีบล็อกเชนจาก orbix Technology เพื่อเป็น Total Solution ให้กับนักลงทุนสถาบัน หรือนิติบุคคลที่ต้องการจะออกโทเคน

และนอกจาก Orbix Invest ที่เพิ่งได้รับใบอนุญาตผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Fund Manager) ไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา orbix ยังมีแผนยื่นขอใบอนุญาต orbix CUSTODIAN (ออร์บิกซ์ คัสโทเดียน) เพื่อรองรับการประกอบธุรกิจผู้ให้บริการรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงใบอนุญาตนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Broker) ด้วยเช่นกัน

ในตอนท้ายชาญวิทย์ระบุถึงจุดแข็งของ orbix ที่จะมาสู้กับผู้ให้บริการเจ้าอื่นด้วยความโดดเด่นด้านเทคโนโลยีอย่างฟีเจอร์ “Wallet Lock” ที่มีระบบการล็อกกระเป๋าสองชั้น ลูกค้าสามารถตั้งค่าเปิด-ปิด Wallet Lock ได้ด้วยตนเอง รวมไปถึง “Price Alert” ฟีเจอร์ตั้งเตือนราคาเพื่อให้ไม่พลาดทุกโอกาสการซื้อขาย 

พร้อมเตรียมเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่เชื่อว่าจะตอบโจทย์นักลงทุนสายเทรดเหรียญอย่าง “orbix Balance” ซึ่งเป็นระบบช่วยคำนวณต้นทุนเหรียญแบบอัตโนมัติ ทำให้รู้กำไรขาดทุนทุกเหรียญโดยไม่ต้องเสียเวลาคำนวณซึ่งจะพร้อมให้บริการได้ภายในปีนี้ และยังอยู่ระหว่างการพัฒนาฟีเจอร์เติมเงินเข้า Wallet ผ่าน K PLUS เพื่อเพิ่มประประสบการณ์ไร้รอยต่อให้กับเหล่านักลงทุน

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์