สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการลงทุนในโทเคนดิจิทัล การให้บริการรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัล และหลักเกณฑ์อื่นที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
(1) การกำกับดูแลการออกโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (investment token) โดยยกเลิกการจำกัดการลงทุนของผู้ลงทุนรายย่อยสำหรับโทเคนดิจิทัลที่มีอสังหาริมทรัพย์หรือกระแสรายรับจากอสังหาริมทรัพย์เป็นทรัพย์สินอ้างอิง (real-estate backed ICO) และโทเคนดิจิทัลที่มีกิจการโครงสร้างพื้นฐานหรือกระแสรายรับจากกิจการโครงสร้างพื้นฐานเป็นทรัพย์สินอ้างอิง (infra-backed ICO) จากเดิมจำกัดการลงทุนของผู้ลงทุนรายย่อยไม่เกินรายละ 300,000 บาทต่อการเสนอขาย เพื่อให้สอดคล้องกับความเสี่ยงของผลิตภัณฑ์และส่งเสริมให้เกิดการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการระดมทุน
(2) การทบทวนหลักเกณฑ์เพื่อสนับสนุนให้มีผู้ประกอบธุรกิจประเภทผู้ให้บริการรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัล (custodial wallet provider) และสามารถให้บริการแก่ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีความเกี่ยวข้องกันในลักษณะที่มีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ร่วมกันได้ หากเป็นบริษัทจดทะเบียนหรือบริษัทย่อยตามที่กำหนด และอยู่ในกลุ่มบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์และความพร้อมในการจัดเก็บหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินทางการเงินอื่นของลูกค้าและในการบริหารความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสามารถปฏิบัติตามเกณฑ์ความเป็นอิสระต่อกันตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด
(3) ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ประสงค์จะประกอบกิจการอื่น กำหนดให้ต้องขออนุญาตจาก ก.ล.ต. ก่อนดำเนินการ เพื่อให้สามารถติดตามการประกอบกิจการอื่นดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
(4) การปรับปรุงมาตรฐานในการให้บริการ โดยผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ต้องไม่ให้บริการผ่านผู้ประกอบการเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลที่ดำเนินการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพื่อยกระดับคุณภาพและเพิ่มความน่าเชื่อถือของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลโดยรวม
ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ในการประชุมครั้งที่ 15/2565 เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 มีมติเห็นชอบการทบทวนหลักการกำกับดูแล DA custodial wallet provider โดยเพิ่มเติมข้อยกเว้นกรณีการให้บริการรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัลโดยผู้ออกสินทรัพย์ดิจิทัลและเก็บรักษาสินทรัพย์ดิจิทัลที่ตนออกให้กับลูกค้า ไม่ถือเป็นผู้ให้บริการรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัลตามกฎหมาย เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของการกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจที่ให้บริการในลักษณะที่กล่าวมาข้างต้น และเพื่อไม่ให้เป็นการสร้างภาระและต้นทุนที่เพิ่มขึ้นแก่ผู้ประกอบธุรกิจ โดย ก.ล.ต. ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อหลักการ และร่างประกาศแล้วเสร็จเมื่อเดือนกรกฎาคม 2566 โดยผู้แสดงความเห็นส่วนใหญ่เห็นด้วยตามที่เสนอ
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ปรับปรุงหลักเกณฑ์ด้านการโฆษณาของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อลดภาระของผู้ประกอบธุรกิจในการยื่นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการโฆษณาเป็นรายชิ้นต่อ ก.ล.ต. และเพิ่มความคล่องตัวในการทำงาน มีสาระสำคัญดังนี้
(1) ยกเลิกหลักเกณฑ์การแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับการโฆษณาและค่าใช้จ่ายในการโฆษณาต่อสำนักงานเป็นรายชิ้น
(2) กำหนดให้บริษัทต้องเสนอต่อผู้บริหารระดับสูงพิจารณาว่าการโฆษณาเป็นไปตามหลักเกณฑ์ด้านโฆษณารวมทั้งหลักเกณฑ์อื่นที่เกี่ยวข้องก่อนจะเผยแพร่โฆษณา และให้หน่วยงาน compliance ติดตามและตรวจสอบภายหลังการเผยแพร่โฆษณา รวมทั้งจัดทำรายงานการกำกับดูแลการโฆษณาเป็นรายเดือน เสนอต่อคณะกรรมการของผู้ประกอบธุรกิจ รวมถึงให้ผู้ประกอบธุรกิจรวบรวมและจัดส่งรายงานดังกล่าวที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการของผู้ประกอบธุรกิจ ให้ ก.ล.ต. เป็นรายไตรมาส
(3) กำหนดให้ชัดเจนว่า ก.ล.ต. มีอำนาจในการสั่งระงับ แก้ไขการโฆษณา หรือให้ผู้ประกอบธุรกิจชี้แจงข้อมูล ในกรณีที่พบการโฆษณาที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
ทั้งนี้ การออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ทั้งหมดได้ลงราชกิจจานุเบกษาและมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2567